ผ้าอ้อมเป็นหนึ่งในของใช้ที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการดูแลเด็กทารก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรจะมีความรู้พื้นฐาน รู้ข้อดี-ข้อเสียของผ้าอ้อมแต่ละชนิดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อผ้าอ้อมให้กับลูกน้อย ปัจจุบันผ้าอ้อมสำหรับเด็กทารกมีจำหน่ายหลากหลายรูปแบบ และผลิตมาจากวัสดุต่าง ๆ กัน เราสามารถแบ่งผ้าอ้อมตามวัสดุที่ใช้ในการผลิตได้ดังนี้
1. ผ้าอ้อมผ้า เป็นผ้าอ้อมที่ผลิตมาจากผ้า 100% ผลิตมาจากผ้าหลากหลายชนิด เช่น ผ้าอ้อมสำลี ผ้าอ้อมสาลู หรือผ้าอ้อมผ้าฝ้าย เป็นต้น ผ้าอ้อมผ้ามีข้อดี คือ เมื่อทารกขับถ่ายของเสียสามารถทราบได้ทันที ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดผื่นระคายเคืองบริเวณผ้าอ้อมได้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับผ้าอ้อมชนิดอื่น แต่ผ้าอ้อมผ้าก็มีข้อเสีย คือ สามารถดูดซับของเสียต่าง ๆ ได้น้อยกว่าผ้าอ้อมชนิดอื่น และเมื่อใช้ไปนาน ๆ หรือเมื่อผ่านการซักบ่อย ๆ ผ้าอ้อมผ้าอาจจะมีความสามารถในการดูดซับของเสียได้น้อยลง และอาจมีความแข็งกระด้างจากเนื้อผ้ามากขึ้น
2. ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ปัจจุบันนิยมใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากผ้าอ้อมสำเร็จรูปมีข้อดีในการดูดซับของเสียได้ดีที่สุด ขั้นตอนการใส่ไม่ยุ่งยาก มีหลายขนาด ทำให้กระชับเวลาสวมใส่ แต่ก็มีข้อเสียที่ราคาแพง เมื่อใส่เป็นเวลานานไม่ได้เปลี่ยนผ้าอ้อม อาจทำให้เกิดผื่นระคายเคืองและยังเพิ่มปริมาณขยะให้กับสิ่งแวดล้อม
นอกจากผ้าอ้อมแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังต้องเตรียมอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ในการเปลี่ยนผ้าอ้อม ได้แก่ ผ้าอ้อมสะอาดไว้สำหรับเช็ดแห้ง ทิชชูเปียกที่ไม่มีน้ำหอมหรือสำลีชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ถังขยะและครีมทาผื่นผ้าอ้อม ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับลูกในบริเวณที่มีพื้นผิวเรียบและสะอาด โดยมีขั้นตอนที่ควรปฏิบัติในการเปลี่ยนผ้าอ้อม ดังนี้
• ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกเสมอ
• ถอดผ้าอ้อมที่ใช้แล้วออกทิ้งลงถังขยะหรือตะกร้าผ้าให้เรียบร้อย
• ถ้าลูกปัสสาวะให้ใช้ทิชชูเปียกหรือสำลีชุบน้ำต้มสุกซับทำความสะอาด โดยหลีกเลี่ยงการถูหรือเช็ดแรง ๆ แต่ถ้าลูกถ่ายอุจจาระ แนะนำให้ใช้น้ำล้างบริเวณอวัยวะเพศและก้นแทนการเช็ดด้วยทิชชูเปียกหรือสำลี เพื่อลดการระคายเคือง
• ใช้ผ้าสะอาดซับบริเวณที่จะใส่ผ้าอ้อมให้แห้ง และควรผึ่งลมสักครู่ เพื่อแน่ให้แน่ใจว่าบริเวณอวัยวะเพศและก้นแห้งสนิท
• ถ้ามีผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศหรือก้น ใช้ครีมทาผื่นผ้าอ้อมทาให้ทั่วบริเวณที่เป็นผื่น โดยให้ทาทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อม แล้วจึงสวมผ้าอ้อมตัวใหม่ให้กับลูก ถ้าไม่มีผื่นแดงอาจใช้หรือไม่ใช้ครีมทาผื่นผ้าอ้อมก็ได้
ผื่นผ้าอ้อมเกิดจากการระคายเคืองต่อปัสสาวะหรืออุจจาระของทารก เนื่องจากผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศและก้นของทารกสัมผัสกับปัสสาวะหรืออุจจาระนานหรือบ่อยกว่าปกติ เช่น ท้องเสีย หรือไม่ได้เปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นเวลานาน ลักษณะของผื่นผ้าอ้อม คือ เป็นผื่นแดงระเรื่อ ไม่มีขุย เป็นผื่นบริเวณที่สัมผัสกับปัสสาวะหรืออุจจาระ การดูแลรักษาผื่นผ้าอ้อมนอกจากขั้นตอนการเปลี่ยนผ้าอ้อมที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ครีมทาผื่นผ้าอ้อมก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ลูกหายจากผื่นผ้าอ้อมได้อย่างรวดเร็ว ครีมทาผื่นผ้าอ้อมที่ดีควรมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยปกป้องผิวจากสารระคายเคืองและความอับชื้น ช่วยบรรเทาอาการคันและช่วยฟื้นฟูผิวที่เกิดรอยโรคขึ้น โดยควรจะเป็นสารที่ได้มาจากธรรมชาติ ผ่านการทดสอบจากสถาบันชั้นนำของโลกว่าอ่อนโยนต่อผิวและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว สารประกอบที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ได้แก่
• วิตามินบี 5 สามารถสร้างเกราะป้องกันผิวจากสารระคายเคืองและความอับชื้น
• วิตามินอี ช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้น
• วิตามินเอ ช่วยฟื้นฟูผิวด้วยการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
• สารสกัดจากแมคคาเดเมีย ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและลดรอยแตก
วิธีการทาครีมผื่นผ้าอ้อมให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด คือ ทาครีมบริเวณที่เป็นผื่นทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อม โดยไม่ต้องเช็ดครีมเก่าออก เลือกครีมที่ซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และที่สำคัญต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ ถ้าใช้ผ้าอ้อมผ้าควรเปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้งและทันทีที่ทารกปัสสาวะหรืออุจจาระ ถ้าใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปควรเปลี่ยนผ้าอ้อมอย่างน้อยทุก 3 ชั่วโมง สุดท้ายแล้วถ้ารักษาผื่นผ้าอ้อมด้วยตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น เช่น ผื่นแดงมากขึ้น ผื่นมีบริเวณกว้างขึ้น ควรพาลูกไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย
ขอขอบคุณข้อมูล :
อ.พญ.สัญชวัล วิทยากรฤกษ์
: https://www.healthtodaythailand.in.th