โรคที่หายเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาปฏิชีวนะ

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข

          ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาสถานการณ์ภาวะเชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะของประเทศไทยเลวร้าย จนทำให้มีคนเสียชีวิตจากภาวะเชื้อแบคทีเรียดื้อยามากกว่า 38,000 คนต่อปี ซึ่งปัจจัยสำคัญมากอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้เกิด คือการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุสมผล โดยมีการใช้ในโรคที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ดังนี้
          โรคที่หายเองได้ วิธีการรักษาโรคโดยไม่พึ่งยาปฏิชีวนะ อาการที่ต้องไปพบแพทย์
                โรคท้องเสีย
                    -   สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัส  -  ยาถ่าน (Activated Charcoal)
                    -   จิบผงเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป - ถ่ายเป็นมูกเลือด
                    -   มีไข้สูง
                โรคหวัด – เจ็บคอ
                    -  สาเหตุ 80% เกิดจากเชื้อไวรัส
                    -  ใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก คัดจมูก หรือยาแก้ไอ เป็นต้น
                    -  พักผ่อนให้เพียงพอ จิบน้ำอุ่นและทำร่างกายให้อบอุ่น
                หากมีอาการเจ็บคอร่วมกับ 3 ใน 4 ข้อต่อไปนี้
                   -  ไข้สูง
                   -  มีฝ้าขาวที่ต่อมทอนซิล
                   -  ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโตและกดเจ็บ
                   -  ไม่มีอาการไอ
              แผลเลือดออก ที่เป็นแผลสะอาด
                   -  ล้างแผลอย่างถูกวิธี รักษาความสะอาดของแผลให้ดี ไม่สัมผัสสิ่งสกปรกเพิ่มเติม
                   -  แผลจะหายเองได้  
                   -  หากเป็นแผลเลือดออกจากสัตว์กัด บาดด้วยของมีคมสกปรก หรือ แผลในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
              โทษของการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อ
                  1.จน สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ต้องเสียเงินซื้อยาปฏิชีวนะแพงๆ
                  2.แพ้ เสี่ยงต่อการแพ้ยา โดยมีอาการผื่นคัน รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ช็อก และอาจเสียชีวิตได้
                  3.อาการข้างเคียง ตั้งแต่มีอาการเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน จนไปถึงอาการรุนแรง เช่น ตับอักเสบ ตาบอด และเอ็นร้อยหวายฉีกขาด
                  4.ดื้อยา ทำให้ต้องใช้ยาปฏิชีวนะที่อันตรายมากขึ้น แพงขึ้น หรือหายาที่ใช้รักษาไม่ได้เลย
            รู้อย่างนี้แล้วก็มาช่วยกันลดการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นไม่ซื้อยาใช้เอง ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้