ทานยาแบบนี้มีผลเสียต่อ “ไต” นะ

 


รู้หรือไม่?! ยาสามัญประจำบ้าน ยาสมุนไพร อาหารเสริม ที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อไม่ได้เป็นยาที่ปลอดภัย 100% ที่ไม่มีผลกระทบอะไรต่อร่างกายแต่ในความเป็นจริงแล้วยาเหล่านี้จะสะสมอยู่ภายในร่างกายและอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ซื้อยารับประทานเองหรือเป็นผู้ป่วยโรคไต
ซึ่งในบางครั้งอาจไม่รู้ตัวก็จะส่งผลทำให้ไตทำงานหนักขึ้นและมีความเสี่ยงจากการได้รับพิษและสารเคมีบางอย่างจากยา


ยาประเภทไหนบ้างที่ควรระวังและส่งผลอันตรายต่อไตอย่างไร
1.ยาแก้ปวดแก้อักเสบ กลุ่มยา NSAIDs เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และอื่นๆ จะทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงไตได้น้อยลง
2.ยาละลายน้ำ ยาที่มีส่วนประกอบของโซเดียม ยาแอสไพรินชนิดเม็ดฟู่ วิตามิน A D E K ทำให้ร่างกายได้รับโซเดียม น้ำ และเกลือแร่เกินในร่างกาย
3.ยาน้ำแก้ไอ ยาน้ำแก้ปวดท้อง ที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบหลัก หากรับประทานต่อเนื่องอาจเกิดการสะสมของโพแทสเซียม
4.ยาลดกรด ยาระบาย ยาที่มีอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดการสะสมของเกลือแร่ในร่างกายเพราะไตไม่สามารถขับออกได้ตามปกติ
5.ยาสวนทวาร ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกิดฟอสเฟตสะสมอยู่ภายในร่างกาย
6.อาหารเสริม มีส่วนประกอบของโพแทสเซียมและแมกนีเซียมทำให้สะสมอยู่ภายในร่างกาย
7.สมุนไพร เห็ดหลินจือ โสม กระเทียม ใบแปะก๊วย ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอาจทำให้เลือดออกบริเวณเส้นเลือดที่กำลังต่อกับเครื่องฟอกเลือดได้ง่ายอาจทำให้มีการสะสมของโพแทสเซียม
ยาเหล่านี้ไม่ควรทานติดต่อกันนานเกิน 7 วัน เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เนื่องจากจะทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น
ถ้าหากการทำงานของไตมีความผิดปกติร่างกายจะไม่สามารถขับฟอสเฟตออกมาได้เพียงพอและเมื่อฟอสเฟตตกค้างในร่างกายเป็นระยะเวลานานจะส่งผลต่อต่อมพาราไทรอยด์ โพแทสเซียมสะสมในร่างกายมากหรือน้อยเกินไปอาจจะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติหรือหยุดเต้นได้
รู้หรือไม่ การรับประทานยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานานส่งผลเสียมากกว่าผลดี อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบไตได้โดยไม่รู้ตัว เพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยาทุกประเภทควรปรึกษาแพทย์เภสัชกรผู้ชำนาญเพื่อรับคำแนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และที่สำคัญผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาทานเองโดยเด็ดขาด! หากพบอาการผิดปกติจากการใช้ยาควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที


 


ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลศิครินทร์