กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขเตือน ซาซิมิไก่ดิบอันตราย เสี่ยงได้รับเชื้อแบคทีเรีย ท้องร่วง อาหารเป็นพิษ ติดเชื้อในลำไส้ แนะ กินแบบปรุงสุกด้วยความร้อนสูงกว่า 70 องศาเซลเซียสในเวลาไม่น้อยกว่า 5 นาทีและล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งเพื่อสุขอนามัยที่ดี
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัยอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีในโลกโซเซียลมีการเผยแพร่เมนูซาชิมิอกไก่ดิบสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีการจำหน่ายในร้านอาหารไทยในขณะนี้ กรมอนามัยขอความร่วมมือประชาชนเลือกร้านอาหารที่ผ่านการปรุงสุกดีกว่า เนื่องจากในเนื้อไก่ดิบหรือไก่ดิบแช่แข็งมักมีเชื้อแบคทีเรียSalmonellaปนเปื้อนมาด้วย เป็นต้นเหตุของการท้องร่วง อาหารเป็นพิษ หรือการติดเชื้อในลำไส้ และมักมีตัวอ่อนของพยาธิตัวจี๊ด เมื่อกินเข้าไปจะกลายเป็นตัวแก่ในกล้ามเนื้อ ส่งผลให้มีอาการคัน บวมแดง หรือบวม ๆ ยุบ ๆ และเคลื่อนที่ได้ สำหรับบางรายอาจจะร้ายแรงถึงขั้นตาบอด หรือสมองอักเสบได้และในส่วนของสถานประกอบกิจการเลี้ยงไก่สามารถป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค Salmonellaได้ด้วยการตรวจสุขภาพของไก่และอาหารไก่รวมถึงการตรวจสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานในโรงงานและสุขาภิบาลของโรงงานเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่เกิดจากSalmonellaไปสู่ผู้บริโภคอีกด้วย
“ทั้งนี้ประชาชนควรเลือกซื้อไก่จากแหล่งที่เชื่อถือได้และก่อนนำไก่ดิบมาปรุงประกอบอาหารต้องล้างให้สะอาดก่อน โดยเฉพาะสิ่งสกปรกที่ติดมากับไขมัน ถ้ามีมากควรล้างด้วยน้ำอุ่นหรือ น้ำสะอาด แล้วจึงนำมาชำแหละเอาส่วนต่าง ๆ และกระดูกที่ไม่ต้องการออกเพื่อนำมาปรุงสุกโดยใช้ความร้อนสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส ในเวลาไม่น้อยกว่า 5 นาทีเป็นการทำลายเชื้อโรคที่ติดมากับเนื้อไก่ดิบ หากซื้อเนื้อไก่แช่แข็งผ่านทางออนไลน์ ต้องสังเกตบรรจุภาชนะห่อหุ้มด้วยพลาสติกแช่เย็น ป้ายที่บอกวันเดือนปีที่ผลิต และวันเดือนปีที่ควรบริโภค สำหรับการเก็บเนื้อไก่ดิบนั้นหากซื้อมาประกอบอาหารแล้วแต่ใช้ไม่หมดควรเก็บในอุณหภูมิ 0-5 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเก็บได้นาน 3-5 วันหรือเก็บในช่องแช่เย็นที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นาน 12 เดือน ส่วนอาหารปรุงสุกที่เก็บไว้นานกว่า4 ชั่วโมง ควรนำมาอุ่นร้อนก่อนทุกครั้งในมื้อต่อไป และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งก่อนกินอาหารและหยิบจับอาหารสดเพื่อสุขอนามัยที่ดี” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
กรมอนามัย เตือน ซาชิมิอกไก่ดิบอันตรายกว่าที่คิด แนะ กินสุกดีกว่า
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข