หมอเตือน ' บุหรี่ไฟฟ้า ' มีนิโคติน ทำเสพติด ไม่อยากมีเซ็กซ์ เสี่ยง 'นกเขาไม่ขัน' สัญญาณเตือนเสี่ยงโรคหัวใจ 80% ใน 5 ปี

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข


ภาพประกอบจาก สสส.

   หมอเตือนสูบ “บุหรี่ไฟฟ้า” เพิ่มเสี่ยง “นกเขาไม่ขัน” ทั้งอ่อนตัว หลั่งไว ไปไม่ถึงฝั่งฝัน แนะจุดสังเกตเริ่มไม่แข็งตัวทุกเช้า เผย “นิโคติน” ทำเสพติด ไม่อยากมีเซ็กซ์ ซ้ำกระตุ้นอนุมูลอิสระทำลายผนังด้านในหลอดเลือดองคชาตจนหดตัว หากไม่รักษาสัญญาณเตือนเสี่ยงโรคหัวใจในอีก 5 ปี ถึง 80%

วันที่ 29 พ.ค. 2567 ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ประธานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาวะทางเพศ คลินิกวัยรุ่นชาย รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเผยว่า อันตรายของ “บุหรี่ไฟฟ้า” ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ยังพบว่าทำให้เกิดปัญหาสมรรถภาพทางเพศลดลง หรือ “นกเขาไม่ขัน” รวมไปถึงปัญหาการอ่อนตัวและหลั่งไว ซึ่งจากการดูแลรักษาผู้ที่มีปัญหาดังกล่าวพบว่า จากเดิมประมาณ 30% ที่เคยพบปัญหาอ่อนตัวเมื่อมีกิจกรรมทางเพศ ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจจากการที่ปกติช่วยตัวเองบ่อย แต่ปัจจุบัน เมื่อสอบถามข้อมูลเชิงลึก พบว่ามีเรื่องของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วมด้วย สอดคล้องกับข้อมูลจากต่างประเทศที่มีการสำรวจผู้ชายที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าวันละ 2 ครั้ง จำนวน 13,000 คน พบ 4.8% มีปัญหาเรื่องอวัยวะเพศไม่แข็งตัว โดยเฉพาะในผู้ชายอายุ 20-25 ปี สาเหตุหลักที่นกเขาไม่ขัน พบว่ามาจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า รวมไปถึงยังมีปัญหาเรื่องของการอ่อนตัว โดยระดับองศาของการแข็งตัว


“ธรรมชาติจะเตือนความเป็นผู้หญิงทุกเดือนคือมีประจำเดือน และจะเตือนความเป็นชายทุกวัน เพราะดัชนีชี้วัดสุขภาพทางเพศของผู้ชายคือ ต้องแข็งตัวตอนเช้าทุกวัน ซึ่งระดับการแข็งตัวจะมี 4 ระดับ คือ 1.เต้าหู้ คือ ใหญ่ แต่ไม่แข็ง หรือมีปัญหาการแข็งตัวระดับรุนแรง 2.กล้วยปอกเปลือก คือ แข็ง แต่สอดใส่ไม่ได้ หรือมีปัญหาระดับปานกลาง 3.กล้วยหอมสุก สอดใส่ได้ แต่แข็งไม่สุด หรือระดับแข็งตัวไม่ดีพอ และ 4.แข็งสุดดุจแตงล้าน โดยจะต้องแข็งตัวระดับ 4 ตลอดทั้ง 7 วัน เท่ากับ 28 คะแนน แสดงว่า สมองดี ฮอร์โมนดี เส้นประสาทดี หลอดเลือดดี แต่ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ดื่มเหล้า พักผ่อนไม่เต็มที่ มีความเครียด รับประทานยาบางอย่าง ปัจจัยเหล้านี้จะส่งผลให้ระดับความแข็งลดลง เช่น แข็งตัว 6 วัน อยู่ที่ระดับ 3 หรือ 18 คะแนน หากคะแนนต่ำลงเรื่อยๆ สมรรถภาพเพศก็จะมีปัญหามาก” ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าว


ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามี “นิโคติน” ซึ่งไปกระตุ้น “โดปามีน” ฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้เกิดการเสพติด ทำให้ไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ และนิโคตินทำให้เกิดอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับเบาหวานและภาวะไขมันในเลือดสูง ที่จะไปทำลายผนังด้านในของหลอดเลือดในทุกอวัยวะ รวมถึงองคชาต ทำให้หลอดเลือดในองคชาตที่มีขนาดเล็ก 1 มิลลิเมตร เกิดความผิดปกติ คือ หดตัวหรือไม่ขยายตัว จึงไม่สามารถแข็งตัวได้ หากไปเกิดปัญหาที่หัวใจที่มีหลอดเลือดขนาด 3 มิลลิเมตร ก็จะเกิดปัญหากล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือเกิดที่สมองที่มีหลอดเลือดขนาด 5 มิลลิเมตร ก็จะเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ที่น่าห่วงคือ การทำลายผนังด้านในหลอดเลือดมักเกิดกับหลอดเลือดขนาดเล็กที่สุดก่อนคือ 1 มิลลิเมตร ดังนั้น คนที่เป็นนกเขาไม่ขันอาจจะเป็นสัญญาณบอกเหตุว่า อาจจะเป็นโรคหัวใจภายใน 5 ปี ได้ถึง 80% เพราะถ้าไม่รักษาปัญหาจะเริ่มมาที่หัวใจ แต่หากรักษาภาวะนกเขาไม่ขันก็จะไปช่วยลดความเสี่ยง เพราะต้องไปลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รับประทานอาหารอย่างดี ออกกำลังกาย ทำให้สมองกับหัวใจดีขึ้นเช่นกัน


“นอกจากนี้ สารนิโคตินจะไปกระตุ้นต่อมหมวกไตปล่อยอะดรีนาลีนและสารต่างๆ ทำให้เส้นเลือดหดตัวทั้งร่างกายรวมถึงที่อวัยวะเพศชาย ปลุกเร้าไม่ขึ้น ขาดสารตั้งต้นในการขยายหลอดเลือดที่น้องชาย เกิดความเครียดเป็นเวลานาน จนฮอร์โมนเพศชายลดลง และลูกอัณฑะฝ่อไม่สร้างฮอร์โมน ส่วนที่เชื่อกันว่าดื่มเหล้าสูบบุหรี่แล้วทำให้คึกคักในเรื่องทางเพศ อาจจะเป็นเพียงช่วงระยะแรกที่เพิ่มความต้องการทางเพศ เพราะฮอร์โมนเพศชายยังสูง แต่ถ้าสูบบุหรี่ไฟฟ้าไปหลายครั้งหรือระยะยาวก็จะเกิดภาวะน้องชายไม่แข็งตัวในที่สุด ดังนั้น หากคนสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีปัญหาเรื่องนกเขาไม่ขัน สามารถรักษาให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้นได้ แต่ต้องเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้า” ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าว


ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า กลไกการแข็งตัวขององคชาตก่อน ซึ่งมีปัจจัยเกี่ยวข้องกับหลายระบบที่ซับซ้อน 1.ระบบประสาทคือ จะต้องมีความรู้สึกที่อยากมีกิจกรรมทางเพศ ทำให้มีสารเคมีในสมองคือ “โดปามีน” ไปกระตุ้นที่อวัยวะเพศชาย 2.ระบบฮอร์โมนเพศชายคือ “เทสโทสเตอโรน” 3.ระบบหลอดเลือด โดยหลอดเลือดแดงจะนำเลือดเข้ามายังอวัยวะเพศชายที่มีลักษณะเหมือนฟองน้ำ ก็จะทำให้เกิดการขยายตัว และหลอดเลือดดำจะปิดไม่ให้เลือดออกไป ทำให้เลือดคั่งเลยเกิดการแข็งตัวขึ้นมา ทั้งนี้ หากเกิดปัญหาไม่ว่ากับระบบใดล้วนมีผลต่อการแข็งตัวขององคชาตได้ เช่น ฮอร์โมนเพศชายลดลงซึ่งเป็นไปตามวัย การรับประทานยาบางอย่าง เช่น ยารักษาซึมเศร้า ยาปลูกผม ยารักษาต่อมลูกหมากโต หรือผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมากก็ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท หรือเรื่องของภาวะจิตใจก็มีผลได้เช่นกัน และมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ดื่มเหล้า พักผ่อนไม่เต็มที่ มีความเครียด

ที่มา https://www.thaihealth.or.th/?p=365185