จักษุแพทย์เตือนว่า อาการของโรคภูมิแพ้ขึ้นตา (Allergic Conjunctivitis) อาจก่อให้เกิดความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด ปล่อยทิ้งไว้อาจมีอาการตามัวหรือถ้าขยี้ตาเมื่อคัน อาจจะทำให้กระจกตาเป็นรอย จนรามไปเกิดการติดเชื้อที่กระจกตาได้ และหากยังไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้สูญเสียการมองเห็นในที่สุด
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในปัจจุบัน เกิดปัญหาเรื่องมลภาวะทางอากาศมาก ส่งผลกระทบให้ร่างกายเราเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าเหล่านั้น กระตุ้นให้เกิดอาการของภูมิแพ้เมื่อมีอาการแพ้ที่เล็กน้อยหลายคนอาจมองข้ามและคาดไม่ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) แนะนำว่า โรคภูมิแพ้ขึ้นตาพบได้บ่อยมากขึ้น เนื่องจากภาวะมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นในโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่กระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 ละอองเกสรที่กระจายมากับลม ขนสัตว์ พรม เครื่องสำอาง อาหารการกิน อาการแพ้ที่พบก็จะแตกต่างกันไป เมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่า อาการแพ้นั้นมีสาเหตุมาจากสิ่งใดเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
แพทย์หญิงอาภา พรเศรษฐ์ จักษุแพทย์ ด้านกล้ามเนื้อตา ให้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยภูมิแพ้ขึ้นตาหรือ Allergic Conjunctivitis อาการที่พบเจอเริ่มแรกส่วนใหญ่ จะมีอาการคัน ระคายเคือง แพ้แสง ในรายที่อาการรุนแรง จะแสบเหมือนมีทรายอยู่ในตา มีน้ำตาไหล เยื่อบุตาแดงอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้อาจมีอาการตามัวหรือถ้าขยี้ตาเมื่อคัน อาจจะทำให้กระจกตาเป็นรอย จนรามไปเกิดการติดเชื้อที่กระจกตาได้ และหากยังไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้สูญเสียการมองเห็นในที่สุด ดังนั้นไม่ควรมองข้ามหรือคิดว่าแค่คัน ระคายเคืองเล็กน้อยทนได้เดี๋ยวก็หาย เราสามารถเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการได้จะดีที่สุด และควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสดวงตา เข้าพบจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเมื่อมีอาการ
11 กรกฎาคม 2567