ระวังให้ดี ชอบสูบบุหรี่ เสี่ยงภาวะปอดรั่ว !!

ที่มา : มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

คนชอบสูบบุหรี่ ควรสังเกตอาการตัวเอง หากพบอาการหอบ เหนื่อย หายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์ เพราะนี้อาจเป็นสาเหตุของภาวะปอดรั่ว ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือภาวะปอดรั่ว คือ ภาวะที่มีอากาศเข้าไปแทรกอยู่ภายในช่องปอดจนเบียดเนื้อปอด ทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่และทำงานได้ไม่ดี ส่งผลต่อการหายใจของผู้ป่วย เป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต


รวมทั้งยังสามารถเกิดจากโรคหรือสภาวะที่ก่อให้เกิดลมในช่องเยื่อหุ้มปอด เช่น ปอดติดเชื้อ มีซีสต์ในปอด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคถุงลมโป่งพอง ที่เกิดจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่มีมากมาย ประกอบด้วย นิโคติน ก่อให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง กระตุ้นระบบประสาท คาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้หัวใจและส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย ส่งผลให้มีอาการเหนื่อยง่าย เป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ ทาร์ สารก่อมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไนโตรเจนไดออกไซด์ ทำลายเยื่อบุหลอดลมส่วนปลายและถุงลม ทำให้ถุงลมโป่งพอง ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดเลือดอักเสบเรื้อรัง


ดังนั้นสารพิษในควันบุหรี่จึงเป็นอันตราย ทำให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ เช่น หลอดเลือดในสมองตีบ โรคมะเร็งต่าง ๆ โรคหัวใจหลอดเลือด และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หากสูบต่อไปอาจนำไปสู่โรคร้ายจนถึงแก่ชีวิตตนเองและคนรอบข้างได้


ในส่วนของภาวะปอดรั่ว เกิดจากการที่มีลมรั่วออกมาจากถุงลมในปอด เข้าไปในเนื้อเยื่อหุ้มปอด รวมถึงความผิดปกติของปอดเดิมของผู้ป่วย ซึ่งถ้ามีลมที่รั่วออกมาปริมาณมาก จะทำให้ไปกดเนื้อปอดให้ปอดแฟบลง ส่งผลให้มีผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาจเกิดภาวะช็อก ความดันโลหิตต่ำ และทำให้เสียชีวิตได้


ผู้ที่มีภาวะปอดรั่ว มักมีอาการเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกข้างที่มีความผิดปกติ หอบเหนื่อย หายใจไม่สะดวกหรือแน่นหน้าอก ทั้งนี้อาการและความรุนแรงมีตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรงมาก และจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอัตราเร็วในการสะสมของลมที่รั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด หากพบว่าตนเองมีอาการหอบเหนื่อยมาก ริมฝีปากสีเขียวคล้ำ มีภาวะพร่องออกซิเจนในเลือด หรืออาจจะมีความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเต้นเร็ว ให้รีบมาพบแพทย์วินิจฉัย เพื่อจะได้รีบทำการรักษาอย่างทันท่วงที


สำหรับแนวทางการรักษาแพทย์จะวินิจฉัยถึงสาเหตุ การแสดงอาการ และขนาดของลมที่รั่ว โดยเริ่มจากติดตามอาการ ในกรณีที่อาการและขนาดของลมที่รั่วน้อย จะใช้การให้ออกซิเจนขนาดเข้มข้นเพื่อเร่งอัตราการดูดกลับของลม การใช้เข็มดูดลมออก การใส่สายเพื่อระบายลมในกรณีที่อาการหนักและการผ่าตัดในกรณีที่รักษาเบื้องต้นแล้วลมยังรั่วปอดไม่ขยายตัว นอกจากนี้ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการดำน้ำ การเดินทางโดยเครื่องบิน ควรทำในระยะเวลาที่เหมาะสมปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ และที่สำคัญคือการดูแลตนเอง ควรเลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคถุงลมโป่งพอง ที่เป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลให้เกิดภาวะปอดรั่ว


สำหรับผู้กำลังที่จะเริ่มต้นสูบบุหรี่หรือสูบบุหรี่มาแล้วเป็นระยะเวลานาน ควรเลิกเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเองและคนที่คุณรัก เพราะควันและสารพิษในบุหรี่จะค่อย ๆ บั่นทอนชีวิตของเราให้สั้นลงไม่มากก็น้อย ดังนั้นเราควรหาวิธีลด ละ เลิก การสูบบุหรี่กันเสียแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต


สามารถติดตามบทความและข้อมูลอ้างอิงต่อได้ที่… มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

ที่มา   https://www.thaihealth.or.th/?p=337014