โรคหลอดเลือดสมอง : การกระตุ้นไขสันหลังด้วยไฟฟ้า ช่วยฟื้นฟูความสามารถในการควบคุมแขนและมือของผู้ป่วย

 เฮทเธอร์ เรนดูลิก ชาวเมืองพิตส์เบิร์ก สามารถหั่นสเต็กกินเองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี

นักวิจัยสหรัฐฯ ระบุว่า การกระตุ้นไขสันหลังด้วยไฟฟ้าช่วยฟื้นฟูความสามารถในการควบคุมแขนและมือของผู้ที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ในทันที
เฮทเธอร์ เรนดูลิก ชาวเมืองพิตส์เบิร์ก สามารถหั่นสเต็กกินเองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
เธอกล่าวว่า เทคโนโลยีนี้ "ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง"
                ทีมงานของมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์กกล่าวว่า จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อดูว่าใครได้ประโยชน์อีกบ้าง เนื่องจากการผ่าตัดฝังอิเล็กโทรดเพิ่งได้รับการทดสอบในคนเพียง 2 รายเท่านั้น
               โรคหลอดเลือดสมองกระทบปริมาณเลือดในสมองและทำให้เซลล์สมองตาย สิ่งนี้ทำให้ผู้ที่รอดชีวิตมีปัญหาสุขภาพในระยะยาว ผู้ป่วยยังมีความประสงค์และความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหว แต่คำสั่งจากสมองอ่อนแอมากจนอวัยวะไม่สามารถขยับได้
ไม่หายขาด
               เมื่อเฮทเธอร์อายุ 20 เศษ เธอได้รับการวินิจฉัยว่ามีกลุ่มของหลอดเลือดผิดปกติในสมองของเธอ เกิดเลือดออกหลายครั้งและนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองรุนแรง จนเช้าวันหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับร่างกายซีกซ้ายที่ขยับไม่ได้ 9ปีต่อมา เฮทเธอร์ฝึกฝนจนเดินได้อีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถควบคุมแขนและมือซ้ายได้ ซึ่งเป็น "สิ่งที่ฉันฝืนสู้อยู่ทุกวัน" แม้แต่เรื่องง่าย ๆ เช่น การใส่รองเท้า ก็เป็นเรื่องยากก่อนเข้ารับการทดลอง เป้าหมายของเฮทเธอร์ คือ "สามารถหั่นสเต็กได้" เนื่องจากเป็นเรื่องที่เธอขอให้สามีช่วยเสมอ


 

ก่อนเข้ารับการทดลอง เป้าหมายของเฮทเธอร์ คือ "สามารถหั่นสเต็กได้" เนื่องจากเธอต้องพึ่งสามีให้เป็นคนทำ


               เฮเทอร์รับการฝังอิเล็กโทรดที่คอของเธอเพื่อกระตุ้นไขสันหลังบางส่วน โดยปกติระบบประสาทสื่อสารด้วยไฟฟ้า แต่หลังจากเฮทเธอร์เผชิญโรคหลอดเลือดสมอง สัญญาณไฟฟ้าที่เดินทางจากสมองของเธออ่อนเกินกว่าจะไป กระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนและมือของเธอ
               การกระตุ้นทำให้ประสาทตื่นตัว กระตือรือร้นที่จะตอบสนอง และตอนนี้ สัญญาณอ่อน ๆ เหล่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้เกิดการขยับเขยื้อนมันได้ผลในวันแรก และ เฮทเธอร์ก็สามารถเปิดและหุบมือของเธอได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
"ร้องไห้"
                 "ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะได้ผลเร็วขนาดนั้น" ดร. มาร์โก คาโปกรอสโซ จากมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์ก บอกกับผม
                 "เธอเริ่มร้องไห้ ครอบครัวอยู่ที่นั่น และพวกเขาก็เริ่มร้องไห้ จากนั้นพวกเราทุกคนก็เริ่มร้องไห้ ดังนั้น มันจึงเป็นช่วงเวลาที่สะเทือนใจมาก" เฮทเธอร์กำลัง "ขยับแขนและมือในแบบที่ฉันไม่เคยทำมาเกือบทศวรรษ" และเธอก็ได้สเต็กมาหั่นกิน

               รายละเอียดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine แสดงให้เห็นว่า อุปกรณ์นี้ทำงานได้ผลดีกับเฮทเธอร์และอาสาสมัครอีกคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การทดลองถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานเพียง 1 เดือน หลังจากนั้น อิเล็กโทรดถูกเอาออก และการกระตุ้นที่เกิดประโยชน์ก็จบลง แต่นักวิจัยกล่าวว่า ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เห็นถึงอนาคตที่การปลูกถ่ายสามารถสร้างความแตกต่างที่มีความหมายต่อชีวิตของผู้คน
               ดร. มาร์โก คาโปกรอสโซ บอกกับผมว่า "คนไข้ของเราฟื้นตัว แต่ร่างกายของพวกเขายังไม่คืนสู่สภาวะปกติอย่างสมบูรณ์"
               "พวกเขาสามารถกอบกู้อิสรภาพและคุณภาพชีวิตคืนมาได้มากมาย เพียงเพราะตอนนี้พวกเขาสามารถใช้แขนและมือได้แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเล่นเปียโนไม่ได้ก็ตาม" ทีมงานเชื่อว่าความรู้แขนงนี้จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่ได้รับอนุมัติแล้วสำหรับการจัดการความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่สำหรับตอนนี้ ยังต้องใช้การทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมเพื่อหาว่าใครจะได้ประโยชน์และจะย้ายอุปกรณ์จากห้องปฏิบัติการไปที่บ้านได้อย่างไร ดร. รูบินา อะเหม็ด จาก สมาคมโรคหลอดเลือดสมอง กล่าวว่า "การวิจัยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และการผ่าตัดปลูกถ่ายอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน วิธีการกระตุ้นแบบไม่ผ่าตัดกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ ซึ่งผู้คนในวงกว้างสามารถนำไปใช้ได้"
 


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : https://www.bbc.com/thai/international-64719620
ขอขอบคุณ : เจมส์ กัลลาเฮอร์ ผู้สื่อข่าวด้านสุขภาพและวิทยาศาสตร์
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของรูป : TIM BETLER, UNIVERSITY OF PITTSBURGH