กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย การดื่มน้ำอัดลมร่วมกับเครื่องดื่มชูกำลังไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่จะส่งผลให้น้ำหนักเกิน และเป็นโรคอ้วนได้ หากร่างกายได้รับปริมาณคาเฟอีนเกินขนาด ส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย และหัวใจเต้นเร็วได้ แนะนำวัยรุ่นท้องไม่พร้อมปรึกษาสายด่วนช่วยแก้ปัญหา เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “หมอแล็บแพนด้า” แชร์ข้อมูลที่แสดงภาพขวดเครื่องดื่มชูกำลังกับน้ำอัดลมยี่ห้อดัง โดยมีบทสนทนาในคอมเมนต์อ้างว่า หากดื่มเครื่องดื่มนี้ผสมกัน จะทำให้แท้งลูกได้เอง พร้อมกับทำให้ประจำเดือนมา ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากการดื่มน้ำอัดลมร่วมกับเครื่องดื่มชูกำลัง ไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่จะส่งผลต่อร่างกาย หากดื่มน้ำอัดลมปริมาณมากอาจทำให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไป นำไปสู่ภาวะน้ำหนักเกิน และเป็นโรคอ้วนได้ ส่วนเครื่องดื่มชูกำลัง ถ้าดื่มปริมาณมากเกินไป จะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณคาเฟอีนเกินขนาด ส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย และหัวใจเต้นเร็วได้
สำหรับวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม การแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมสามารถปรึกษาออนไลน์ได้ตามช่องทางต่าง ๆ ดังนี้ 1) RSA ออนไลน์ https://abortion.rsatha.org 2) สถานบริการปรึกษาท้องไม่พร้อม www.rsathai.org 3) โทร. 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม ซึ่งให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 – 21.00 น. และ 4) สามารถทักแชทเฟซบุ๊กแฟนเพจ 1663 ซึ่งให้บริการทุกวัน วันละ 4 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 เวลา 08.00 – 10.00 น. รอบที่ 2 เวลา 12.00 – 14.00 น. รอบที่ 3 เวลา 17.00 – 19.00 น. และ รอบที่ 4 เวลา 21.00 – 23.00 น.
“ทั้งนี้ ในปัจจุบันการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำสามารถทำได้ 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 การใช้ยายุติการตั้งครรภ์ (Medical abortion) เป็นการใช้ยามิฟิพริสโตนและไมโซพรอสตอล ที่บรรจุในแผงเดียวกัน และ วิธีที่ 2 การยุติการตั้งครรภ์ทางศัลยกรรม (Surgical abortion) มี 2 แบบ คือ 1) Manual vacuum aspiration (MVA) มีลักษณะเป็นกระบอกดูดที่ใช้มือช่วยทำให้เกิดแรงดันสุญญากาศดูดเอาสิ่งที่อยู่ในโพรงมดลูกออกผ่านทางหลอดดูด (cannula) และ 2) Electric vacuum aspiration (EVA) เป็นการใช้เครื่องดูดไฟฟ้า เพื่อทำให้เกิดแรงดันสุญญากาศ ดูดเอาสิ่งที่อยู่ในโพรงมดลูกออกผ่านทางหลอดดูด (cannula) ถือเป็นวิธีการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด