วันนี้เราจะมาทำความสะอาดร่างกายกันให้ครบทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะในซอกเล็ก ๆ ที่มักถูกลืม ทั้ง ๆ ที่อยู่ตรงกลางของร่างกายพอดิบพอดีอย่าง "สะดือ"
จะว่าไปแล้วสะดือของคนเรานั้นจะเป็นจุดอับก็ไม่ใช่ เป็นส่วนที่เปิดเผยก็ไม่เชิง (เว้นแต่กรณีใส่เสื้อเอวลอย โชว์สะดือ อิอิ) แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็มักจะถูกละเลยอยู่บ่อย ๆ ไม่เชื่อลองสังเกตตัวเองดูสิ อาบน้ำใครฟอกสะดือกันบ้าง หลังอาบน้ำเสร็จหลาย ๆ คนคงจะใช้คอตตอนบัดเช็ดหู ว่าแต่จะมีสักกี่คนที่เช็ดสะดือตัวเองเป็นประจำ วันนี้เราก็เลยจะมาชวนทำความสะดืออย่างถูกวิธีกันค่ะ
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ : คอตตอนบัด, น้ำอุ่น ขี้ผึ้ง หรือ เบบี้ออยล์
วิธีการทำความสะอาดสะดือ
1. มือข้างหนึ่งถ่างสะดือให้ขยายออกเล็กน้อย เพื่อให้เช็ดทำความสะอาดได้สะดวก (อาจใช้กรรไกรสำหรับถ่างช่วยก็ได้) ใช้คอตตอนบัดจุ่มน้ำอุ่น ขี้ผึ้ง หรือเบบี้ออยล์ เช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว ให้ทำอย่างใจเย็น และไม่รุนแรง
2. เปลี่ยนคอตตอนบัดอันใหม่เมื่อชิ้นเก่าสกปรก เช็ดทำความสะอาดด้วยวิธีเดิมให้ครบทุกซอกทุกมุม ทำเช่นนี้และเปลี่ยนคอตตอนบัดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเช็ดแล้วคอตตอนบัดไม่มีคราบสกปรกอีก หรือจนกว่าจะเช็ดออกมาแล้วคอตตอนบัดไม่มีกลิ่นเหม็น (ในรายที่มีปัญหาสะดือเหม็น)
3. เมื่อสะอาดดีและหมดกลิ่นเหม็นแล้ว หากเป็นการเช็ดด้วยน้ำอุ่น ใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดสะดือให้แห้งดีอีกครั้ง และทาผิวบริเวณนั้นด้วยโลชั่นเล็กน้อย เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับสะดือ
- สะดือที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี สามารถเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย และเชื้อราได้
- การใช้คอตตอนบัดแตะขี้ผึ้งในการทำความสะอาดสะดือ จะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในสะดือ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการสะดือเหม็นได้
- อาการสะดือเหม็นยังเกิดจากการอาบน้ำและล้างสบู่ไม่หมดจด ทำให้ไขสบู่ไปสะสมอยู่ที่สะดือ หมักหมม และเกิดเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทั้งยังทำให้อาการแพ้ แดง ได้ด้วย
- สะดือที่มีกลิ่นสามารถทำความสะอาดเป็นพิเศษได้ โดยใช้สบู่สูตรผิวแพ้ง่าย หรือใช้น้ำยาชำระล้างจุดซ่อนเร้นสำหรับคุณผู้หญิง
-ไม่จำเป็นต้องพยายามแคะ หรือปลิ้นสะดือออกมาด้านนอกเพื่อทำความสะอาด เพราะอาจทำให้สะดืออักเสบได้
- ห้ามใช้วัตถุที่มีปลายแหลมคมทำความสะอาดสะดือเป็นอันขาด
- หากเกิดบาดแผล หรืออาการเจ็บ คัน ผิดปกติที่สะดือ ต้องไปพบแพทย์
รู้วิธีทำความสะอาดสะดือที่ถูกต้องกันแล้ว คราวนี้ก็อย่าลืมเช็ดสะดือของคุณเป็นประจำด้วยนะคะ
เรียบเรียงข้อมูลโดย : กระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : https://health.kapook.com/