กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ “ มะเร็งเต้านม ” โรคร้ายที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศหญิง แต่ทราบหรือไม่ว่า เพศชายก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งเต้านม แม้ว่าเป็นโรคร้ายที่พบในเพศหญิงมากเป็นอันดับ 1 แท้จริงแล้วในเพศชายก็มีความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมเช่นกัน จากสถิติพบว่าโดยทั่วไปเพศชายมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมตลอดอายุขัยอยู่ที่ 1 ใน 1,000 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2562 คาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเพศชายรายใหม่ 2,670 คน ซึ่งน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งหมด และในจำนวนนี้เสียชีวิต 500 คน ขณะที่เพศหญิงเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมอยู่ที่ประมาณ 41,760 คนต่อปี โดยอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมในเพศชายค่อนข้างคงที่ในช่วง 30 ปี ขณะที่อุบัติการณ์ในเพศหญิงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายประมาณ 100 เท่า ในเพศชายนั้นพบบ่อยในช่วงอายุ 60-70 ปี โดยพบว่าผู้ชายที่เป็นมะเร็งเต้านมมีอายุเฉลี่ยมากกว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม 7-8 ปี
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า สถานการณ์มะเร็งเต้านมของคนไทยในปี 2557 พบว่า มีผู้ชายป่วยเป็นมะเร็งเต้านม 162 คน และผู้หญิงป่วยเป็นมะเร็งเต้านม 14,804 คน โดยปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านมมาจากหลายปัจจัย อาทิ เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณหน้าอก มีประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัว ซึ่งพบว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยมีประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัว โดยจะเป็นญาติทางฝ่ายชายหรือหญิงก็ได้ ปัจจัยที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งเต้านมในเพศชายไม่ต่างจากเพศหญิง นั่นคือ การมีระดับฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะกลุ่มอาการที่เรียกว่า กลุ่มอาการคลายน์เฟลเทอร์ ซึ่งมีความผิดปกติของดีเอ็นเอ คือ มีดีเอ็นเอของเพศหญิงเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เกิด ทำให้มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงและระดับฮอร์โมนเพศชายต่ำลง ทำให้มีลักษณะเหมือนเพศหญิง ผู้ชายที่เป็นกลุ่มอาการนี้จะมีความสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ช่วงไหล่แคบกว่าช่วงเอว มีเต้านมใหญ่ ลูกอัณฑะเล็กและเป็นหมันจากการไม่มีตัวอสุจิหรือมีตัวอสุจิน้อยมาก กลุ่มอาการนี้พบได้ไม่บ่อย คือ พบประมาณ 1 ใน 1,000 คน นอกจากนั้น ภาวะอื่น ๆ ที่ทำให้มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงผิดปกติ เช่น ตับแข็ง ที่ทำให้ผู้ชายนักดื่มมีเต้านมใหญ่กว่าผู้ชายปกติ เนื่องจากตับเสื่อมสภาพลง ไม่สามารถทำลายฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ตามปกติ ส่วนสาเหตุอื่น ๆ เช่น ภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน ยาบางตัวที่มีผลข้างเคียงทำให้เต้านมใหญ่ขึ้น เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง ยารักษาต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ คลำเจอก้อนที่เต้านม โดยเฉพาะบริเวณใต้หัวนม อาการอื่น ๆ ก็ไม่แตกต่างจากในเพศหญิง ได้แก่ มีของเหลวออกจากหัวนมเป็นน้ำปนเลือด หัวนมบอด เต้านมหรือหัวนมแดง หรือมีผื่นหรือแผลเรื้อรังบริเวณหัวนม โดยส่วนใหญ่มักมาพบแพทย์ในระยะที่เป็นมากแล้ว ส่วนอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยชายไม่แตกต่างจากเพศหญิงแต่อย่างใด ดังนั้น ชายผู้สูงวัยจึงควรใส่ใจสังเกตความผิดปกติของเต้านมและตรวจเต้านมตนเองเป็นประจำ เช่นกัน