AI คาดการณ์ตาบอดล่วงหน้าได้

นักวิจัยจาก Moorfields Eye Hospital และ University College London (UCL) พัฒนา AI ที่สามารถทำนายความเสี่ยงตาบอดจากโรค กระจกตาโก่ง (keratoconus) ได้ล่วงหน้าหลายปี ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เข้ารับมือก่อนเกิดความเสียหายถาวร


ทีมวิจัยใช้ AI วิเคราะห์ภาพสแกนตา (OCT) กว่า 36,000 ภาพจากผู้ป่วย 6,684 คน เพื่อค้นหาสัญญาณบ่งชี้ที่มนุษย์มองไม่เห็น ผลลัพธ์พบว่า AI สามารถทำนายได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจ ว่าใครเสี่ยงสูงต้องได้รับการรักษาเร็ว และใครเสี่ยงต่ำไม่จำเป็นต้องตรวจติดตามถี่ ความแม่นยำเพิ่มขึ้นเกือบ 90% ว่าใครควรเข้ารับการรักษาเร็ว (เช่น corneal cross-linking) และใครสามารถเฝ้าติดตามได้โดยไม่ต้องผ่าตัด


โรค Keratoconus แม้ไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวางเท่า ต้อกระจก หรือ ต้อหิน แต่มีความรุนแรงและพบบ่อยกว่าที่คิด โดยพบได้ถึง 1 ใน 350 คน มักเริ่มในวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น โรคนี้เกิดจากกระจกตาบางและโป่งนูนเป็นรูปกรวย ทำให้การมองเห็นบิดเบี้ยว ส่งผลกระทบต่อการอ่าน การขับรถ หรือการจดจำใบหน้า


การรักษาแตกต่างตามความรุนแรง ตั้งแต่การใช้แว่นตาหรือคอนแทกเลนส์ ไปจนถึงการทำ Corneal Cross-linking (ใช้รังสี UV และวิตามิน B2 เพื่อเสริมความแข็งแรงของกระจกตา) และในระยะลุกลามอาจต้องปลูกถ่ายกระจกตา ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่และมีความเสี่ยงสูง แต่ปัญหาคือ แพทย์ยังไม่สามารถทำนายได้แน่ชัดว่าใครจะอาการทรุดลง ทำให้ผู้ป่วยต้องตรวจติดตามเป็นเวลาหลายปี กว่าจะได้รับการรักษาเมื่อความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว


เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพลดจำนวนการปลูกถ่ายกระจกตา ลดค่าใช้จ่ายระบบสาธารณสุข และที่สำคัญที่สุดคือรักษาการมองเห็นของผู้ป่วยวัยหนุ่มสาวไว้ได้ นักวิจัยกำลังขยายการศึกษาไปยังโรคตาอื่น เช่น ต้อหินและจอประสาทตาเสื่อม โดยหากผ่านการทดสอบความปลอดภัย AI นี้อาจกลายเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ช่วยป้องกันการตาบอดก่อนจะเกิดขึ้นจริง