มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 17 สธ. ชูแพทย์แผนไทยสร้างสุขภาวะประชาชน สร้างคุณค่าเศรษฐกิจ

มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 17 ขับเคลื่อนการแพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือก เป็นการแพทย์สายหลักสร้างสุขภาวะของประชาชน ส่งเสริมการแข่งขันสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ  เน้นความสำคัญนวดไทยมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ สมุนไพรไทย และความสำเร็จของกัญชาทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคและคุณภาพชีวิต

          วันที่ 2 กันยายน 2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมในพิธีเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติและการประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 17 ภายใต้หัวข้อ “นวดไทย สมุนไพรไทย สร้างสุขทุกวัย” โดย สธ. ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 130 องค์กร จัดขึ้นทุกปี เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ศักยภาพของบุคลากรและเครือข่าย ขับเคลื่อนเชิงวัฒนธรรมภูมิปัญญาไทย สุขภาพวิถีไทย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานปีละมากกว่า 200,000 คน ในปีนี้ได้จัดงานในรูปแบบ New Normal เข้มข้นมาตรการตรวจคัดกรองและการป้องกันโรคโควิด 19 ทั้งการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นที่ จุดสัมผัสร่วม
          นายอนุทินกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นเวทีขับเคลื่อนและสื่อสารนโยบายระดับชาติด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือก และสมุนไพร ให้ประชาชนรู้จักคุณค่าการใช้ประโยชน์ในการรักษาและส่งเสริมสุขภาพ สร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับ รวมทั้งภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้เกิดความชื่นชอบและใช้อย่างกว้างขวาง  โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งได้ขับเคลื่อนการแพทย์แผนไทยให้เป็นการแพทย์ทางหลักในการสร้างสุขภาวะของประชาชน ตลอดจนการอนุรักษ์ภูมิปัญญาเพื่อนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างกว้างขวาง ทำให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเป็นที่ยอมรับ สามารถแข่งขันได้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประเทศ ส่งเสริมให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล
          ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การนวดไทย ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นศาสตร์ที่ใช้ในการดูแลสุขภาพของประชาชนในระดับครอบครัว  สธ. โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้ขับเคลื่อนให้การนวดไทยได้รับการประกาศจาก UNESCO ให้เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ  โดยในงานมหกรรมครั้งนี้ได้นำการนวดไทยมาจัดแสดงนิทรรศการและให้บริการประชาชนด้วย
          รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. สธ. กล่าวถึงความคืบหน้าของกัญชาทางการแพทย์แผนไทยว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้เปิดให้บริการในคลินิกกัญชามากกว่า 353 แห่ง  มีผู้รับบริการที่ผ่านเกณฑ์การรักษาและการรับการจ่ายยาที่มีกัญชาปรุงผสมมากกว่า 62,000 ครั้ง  โดยกลุ่มอาการที่รับบริการสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นอนไม่หลับ ไมเกรน ปวดศีรษะ สันติบาต พาร์กินสัน และปวดหลัง  ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษามีอาการดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี  นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมที่จะใช้กัญชา กัญชง มาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง  ในอนาคตอันใกล้จะจัดให้ยาที่เป็นสารสกัดจากกัญชาอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาได้
          “การจัดงานในวันนี้เป็นงานที่มีความหมาย มีคุณค่าอย่างมาก เราจะเข้าใจว่าภูมิปัญญาของคนไทยไม่ได้เป็นรองใครในโลก”
          ด้าน นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ภายในงานมหกรรมแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซนกิจกรรม คือ โซนวิชาการ จัดอบรมตลาดความรู้ฟรี 18 หลักสูตร โซนภูมิปัญญา มีนิทรรศการ “นวดไทย” จัดแสดงเครื่องยาสมุนไพร โซนบริการ มีบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย ให้คำปรึกษา ตรวจรักษา และจ่ายยาที่มีกัญชาปรุงผสม และคลินิกการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสานให้บริการฟรี และโซนผลิตภัณฑ์ Thai Herbal Pavilion นำเสนอร้าน “การบูร” จำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรระดับพรีเมียม  Business Matching Online การจำหน่ายสินค้า/อาหาร/อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ ทั้งแบบ On Line และ On Site กว่า 500 ร้านค้า

          นพ.มรุตกล่าวต่อว่า ในปีนี้ได้มอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลเชิดชูเกียรติหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2563 ได้แก่ นายหมวก คงศรี อายุ 84 ปี ยะโก๊ะ หมอพื้นบ้านชาวพุทธ จ.นราธิวาส ซึ่งมีความรู้ความชำนาญด้านการรักษาโรคตามภูมิปัญญาพื้นบ้านและพิธีกรรม เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนัง โรคริดสีดวงทวาร โรคพยาธิในเด็ก โรคเหงือกและฟัน โรคเริม งูสวัด ไฟลามทุ่ง อาการไข้ รวมทั้งไข้ป่า อาการกระดูกแตก พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 4 รางวัล แก่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (Prime Minister Herbal Awards: PMHA) พ.ศ. 2563 จำนวน 15 รางวัล พื้นที่ต้นแบบดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ.2563 จำนวน 14 รางวัล ชมรมผู้สูงอายุ จำนวน 4 รางวัล และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์แผนไทยดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2563 จำนวน 2 รางวัล