กัญชาทางการแพทย์ช่วยหรือทำร้ายเด็กป่วยมะเร็ง?

กัญชาทางการแพทย์จะสามารถช่วยเด็กที่มีปัญหาเจ็บปวดหรือคลื่นเหียนจากโรคมะเร็งได้หรือไม่ กำลังเป็นเรื่องที่พ่อแม่สนใจกันมากขึ้น  แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ของกัญชากับยาที่เด็กใช้อยู่ รวมทั้งยังขาดงานวิจัยที่มากพอในเรื่องนี้ในที่นี้จึงขอนำเสนอความเคลื่อนไหวของการใช้และข้อจำกัดของกัญชาทางการแพทย์กับอาการที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งในเด็ก จาก Children's Hospital Colorado สหรัฐอเมริกา
          แพทย์ที่ Children's Hospital Colorado ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้สั่งยากัญชาทางการแพทย์ แต่เมื่อมีเด็กเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พบว่า  เด็กบางคนได้ใช้ยากัญชาบางอย่างไปแล้ว ขณะที่พ่อแม่บางครอบครัวต้องการทราบว่ากัญชาจะช่วยปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดอย่างอาการคลื่นเหียนหรืออาการปวดของเด็กได้หรือไม่
          หลายปีมาแล้ว ทางโรงพยาบาลได้ตัดสินใจว่า จำเป็นต้องมีนโยบายที่เป็นทางการในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การตัดสินใจว่าเด็กสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากกัญชาในโรงพยาบาลได้หรือไม่เท่านั้น  Dr. David Brumbaughรองประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ กล่าว
          แต่ยังเกี่ยวกับการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พ่อแม่และ “ให้มีการคุยกันแบบเปิดใจ”Dr. Brumbaughกล่าว
          “เราไม่ต้องการแค่พูดว่า ‘เราไม่สามารถทำเรื่องนี้ในโรงพยาบาลได้’ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”
          “แต่หลายครอบครัวอาจใช้กัญชาต่อไปโดยไม่ได้บอกเรา”
          Dr. Brumbaughบอกอีกว่า มีความจำเป็นที่แพทย์จะต้องรู้จักยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิดที่เด็กได้รับ ซึ่งเหตุผลสำคัญในเรื่องนี้ คือ สารเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปฏิสัมพันธ์กับยา นั่นคือ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือลดประสิทธิผลของยาที่จำเป็นต่อโรคมะเร็ง
          ตามนโยบายที่กำหนดขึ้น โรงพยาบาลได้พัฒนาบริการให้คำปรึกษาเพื่อให้ข้อมูลกับครอบครัว และยังมีความจำเป็นต้องสนับสนุนบุคลากรของโรงพยาบาล ซึ่งไม่สามารถบอกหรือคาดหวังได้ว่าบุคลากรเหล่านี้จะให้คำตอบเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ได้ทุกคำตอบ
          คณะทำงานของ Dr. Brumbaughได้รายงานประสบการณ์ของโรงพยาบาลกับเด็ก 50คนแรก  ที่มาใช้บริการในรายงานที่เผยแพร่ในวารสารPediatricsว่า มีเด็กร้อยละ 80 เป็นโรคมะเร็ง และพ่อแม่บางครอบครัวได้เริ่มให้เด็กใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว และบางครอบครัวต้องการข้อมูลเกี่ยวกับกัญชา (ในโคโลราโด เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถใช้กัญชาได้ ถ้าแพทย์ 2 คนขึ้นไป ต่างให้คำรับรองว่ามีความจำเป็นทางการแพทย์และพ่อแม่ให้ความเห็นชอบ)
          พ่อแม่มักจะต้องการความช่วยเหลือเพื่อรักษาอาการคลื่นเหียนและอาเจียน การเบื่ออาหารหรืออาการปวดของเด็ก
          “นั่นบอกถึงความต้องการที่แท้จริง”Dr. Brumbaughกล่าวและว่า “เรายังไม่มีวิธีการรักษาที่เพียงพอเพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น  แต่เราไม่รู้ว่ากัญชาทางการแพทย์จะเหมาะสมหรือไม่”
          “จริง ๆ แล้วเรายังขาดข้อมูลในเด็กและผู้ใหญ่”Dr. Brumbaughกล่าว การศึกษาเรื่องนี้ทำได้ยาก เพราะกฎหมายของสหพันธรัฐกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดประเภทที่ 1 หมายความว่า ไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์อันเป็นที่ยอมรับและมีโอกาสสูงที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิด
          ที่ทำให้เรื่องนี้ยุ่งยาก เพราะไม่ใช่มีแค่กัญชาอย่างเดียว ยังมีกัญชงด้วย และพืชเหล่านี้มีสารประกอบมากมาย อย่างเช่น THCสารที่มีชื่อของกัญชาซึ่งทำให้ผู้สูบมีอาการ “มึนเมา”
          สารอีกชนิดหนึ่ง คือ cannabidiol (CBD) เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง มีการนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมัน แคปซูล และของกินวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ซึ่งไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมา
          ส่วนใหญ่ของเด็ก 50 คน ในรายงานนี้กำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเพียง CBD เท่านั้น  Dr. Brumbaughบอกว่า มีการยืนยันรับรองในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัย
          ที่จริงแล้วในจำนวนเด็ก 50 คนนี้ สำหรับการให้คำปรึกษามองว่า กัญชาทางการแพทย์อาจจะไม่ปลอดภัยถึงร้อยละ 64  เกือบทั้งหมดเนื่องมาจากปฏิสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับยารักษาของเด็ก  Dr. Brumbaughกล่าว
          Dr. Anup Patel นักประสาทวิทยากุมารเวชศาสตร์ ที่ Nationwide Children's Hospital ในโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ซึ่งคุ้นเคยกับสถานการณ์ กล่าวว่า ปฏิสัมพันธ์ของยาเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เขากังวลใจ
          สาร cannabis รวมทั้ง THC และ CBD ถูกเผาผลาญโดยตับเช่นเดียวกับยาหลายชนิด Dr. Patel กล่าว  เมื่อcannabis และยาอื่น ๆ ถูกเผาผลาญโดยเอนไซม์เดียวกันที่ตับ สารเหล่านี้จะแข่งขันเอาชนะกัน ดังนั้น ระดับยาในเลือดอาจจะสูงไป (ทำให้เกิดผลข้างเคียง) หรือต่ำไป (ประสิทธิผลการรักษาลดลง)
          นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีคำถามเกี่ยวกับประสิทธิผลของการใช้ด้วย มียาที่ได้รับความเห็นชอบแล้วซึ่งประกอบด้วย THC ที่มนุษย์ผลิตขึ้น เพื่อใช้สำหรับอาการคลื่นเหียนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง  และมียาชนิดหนึ่ง คือ Epidiolexเป็น CBD ในรูปบริสุทธิ์  ได้รับความเห็นชอบจาก FDA สำหรับใช้รักษาโรคลมชักบางชนิด
          แต่สรรพคุณอื่น ๆ เกี่ยวกับสุขภาพของ CBD ยังไม่ได้รับการพิสูจน์  Dr. Patel กล่าวและบอกเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์หลายชนิดในตลาดส่วนใหญ่ไม่ถูกกำกับควบคุม และผู้บริโภคไม่อาจแน่ใจในสิ่งที่ตนเองจะได้รับ
          เช่นเดียวกับ Dr. Brumbaugh,Dr. Patel สนับสนุนให้พ่อแม่ปรึกษากับแพทย์ของตน ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของ cannabis
          “ถ้าลูกของคุณต้องการความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาอาการ” เขากล่าว “ให้คุยกับแพทย์ของคุณ  เราต้องพูดคุยกันแบบเปิดใจ”

เรียบเรียงจากAmy Norton, “Does Medical Marijuana Help or Harm Kids With Cancer?” HealthDay News