ในการศึกษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เกิดจากหลอดเลือดแดงแข็ง ผู้ป่วยอายุน้อยมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ยาน้อยกว่าผู้ป่วยสูงวัย
การใช้ยาป้องกันระดับทุติยภูมิมีความสำคัญยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เกิดจากหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerotic cardiovascular diseases: ASCVD) ในตอนที่อายุยังน้อย
เพื่อให้ทราบว่าผู้ป่วย ASCVD ที่อายุน้อยได้ใช้ยาต่างๆ อย่างเช่น ยาแอสไพรินและสแตตินหรือไม่ คณะผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาผู้ป่วยหลายกลุ่มโดยใช้ฐานข้อมูลการรักษาพยาบาลของ Veterans Affairs (VA) ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการเปรียบเทียบการใช้ยาของผู้ป่วย extremely premature ASCVD (คือ เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ หรือโรคหลอดเลือดสมองครั้งแรกก่อนอายุ 40 ปี) หรือ premature ASCVD (เกิด ASCVD ครั้งแรกก่อนอายุ 55 ปีในผู้ชาย หรือ 65 ปีในผู้หญิง) กับผู้ป่วย nonprematureASCVD
จากผู้ป่วย ASCVD จำนวน 1.2 ล้านคนในฐานข้อมูล มีอยู่ร้อยละ 0.6 ที่เป็น extremely premature ASCVD และร้อยละ 10.9 เป็น premature ASCVD ที่น่าแปลกใจคือ ผู้ที่เป็น premature ASCVD มีอัตราการใช้ยาน้อยกว่าผู้ป่วย nonpremature ASCVD ทั้งแอสไพริน (ร้อยละ 71 เทียบกับร้อยละ 77) และยาสแตติน (73 เทียบกับร้อยละ 77)อัตราการใช้ยานี้ยิ่งน้อยลงไปอีกในผู้ป่วย extremely premature ASCVD (การใช้ยาแอสไพรินร้อยละ 48; ยาสเเตตินร้อยละ 46) มีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 58 ที่ใช้ยาอย่างสม่ำเสมอตามข้อมูลของการให้บริการจ่ายอย่างต่อเนื่อง
แม้การศึกษาแบบหลายกลุ่มจะไม่บอกเราว่า ทำไมผู้ป่วยจึงมารับหรือไม่มารับยารักษา แต่ข้อมูลนี้แสดงว่ามีโอกาสอย่างมากที่จะยกระดับให้การป้องกันขั้นทุติยภูมิสำหรับผู้ป่วยอายุน้อยดีขึ้น
การนำผลดังกล่าวไปใช้กับผู้ป่วยทั่วไปยังเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงอยู่ เนื่องจากกลุ่มผู้ป่วยของ VA ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายและอาจจะไม่สะท้อนถึงการใช้ยาในระบบรักษาพยาบาลอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้เตือนให้แพทย์สั่งยาอย่างเหมาะสม และคอยติดตามการใช้ยาอย่างใกล้ชิดในผู้ป่วย ASCVD ที่อายุน้อย
ผู้ป่วยหัวใจและหลอดเลือดจากหลอดเลือดแดงแข็งที่อายุน้อยใช้ยาต่ำกว่าผู้สูงวัย
JAMA Netw Open 2020 Aug 3