COVID-19จะเป็นอย่างไรในอีกหลายปีจากวันนี้

Science; Alan Mozes, HealthDay News

ข่าวร้ายสำหรับโรคโควิด-19 คือ โรคนี้อาจจะอยู่กับเราอีกยาวนาน แต่ข่าวดี คือ มีงานวิจัยใหม่ๆ ที่แสดงว่า โควิด-19 ในที่สุดจะเป็นโรคที่เกิดอาการป่วยเล็กน้อย ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายและรำคาญบ้าง แต่ไม่ถึงกับต้องเข้านอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต
    อะไรคือเหตุผล ทฤษฎีข้างต้นมีรากฐานมาจากแบบแผนทางระบาดวิทยาที่ไวรัสโคโรนาอีก 4 ชนิดเคยผ่านมาแล้วก่อนหน้านี้  ไวรัสโคโรน่าทั้งหมดเวียนอยู่ในวัฏจักรการระบาดมาเป็นเวลานานมาก ไวรัสเหล่านี้เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งหมายความว่า คนส่วนใหญ่จะติดเชื้อและพัฒนาภูมิคุ้มกันระหว่างอยู่ในวัยเด็ก ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการป่วยรุนแรง (แม้จะติดเชื้อซ้ำ) เหมือนในผู้ใหญ่
    และนักวิจัยได้นำวงจรดังกล่าวมาพัฒนาตัวแบบของสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าคนส่วนใหญ่สัมผัสกับไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ในลักษณะเดียวกันระหว่างอยู่ในวัยเด็ก
    “ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไวรัสโคโรนาในมนุษย์ (human coronaviruses: HCoVs) ที่เป็นเชื้อโรคประจำถิ่นจะก่อให้เกิดโรคหวัดธรรมดาเท่านั้น (นั่นหมายถึง) การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน” Jennie Lavine ผู้เขียนรายงานการศึกษา ซึ่งเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่ภาควิชาชีววิทยาแห่ง Emory University ในแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา กล่าว  เชื่อว่าประมาณร้อยละ 15 ของโรคหวัดธรรมดาในผู้ใหญ่มีสาเหตุจากไวรัสโคโรนาในมนุษย์
    “บางครั้งไวรัสพวกนี้ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยๆ และผู้สูงอายุ” Lavine กล่าว  ในกลุ่มประชากรที่อ่อนแอ จะมีไม่กี่รายเท่านั้นที่การเชื้อนี้ทำให้เกิดอาการรุนแรงกว่า
    “มีความเป็นไปได้ที่โรคโควิด-19 จะลงเอยแบบนี้ในที่สุด” เธอกล่าว  แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไรกันแน่นั้น มีการคาดเดาไว้ตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี  และแน่นอนมีโอกาสเสมอที่เหตุการณ์อาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
    Lavine ยกปัจจัยหลายอย่างที่อาจมีผลกระทบต่อการพัฒนาในอนาคต  ปัจจัยหนึ่งคือ ไวรัสจะแพร่ระบาดได้เร็วแค่ไหนในอนาคตอันใกล้ อีกปัจจัยคือ ประชาชนทั่วไปได้รับวัคซีนได้เร็วแค่ไหนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  และยังคงต้องรอดูว่าจำเป็นต้องมีการติดเชื้อกี่ครั้งและ/หรือการฉีดวัคซีนกี่ครั้งเพื่อจะกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงและอยู่ได้ทนนาน
    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน เธอบอกว่า “เราสามารถควบคุมเส้นทางที่นำไปสู่การเป็นโรคติดเชื้อประจำถิ่นได้” วิธีหนึ่งทำได้ คือ ทำให้อัตราการติดเชื้อต่ำลงเท่าที่จะเป็นไปได้จนกว่าการฉีดวัคซีนกระจายออกไปทั่ว “เพื่อลดการตายและป้องกันผู้ป่วยล้นระบบโรงพยาบาล”
    อีกวิธีหนึ่งคือ การฉีดวัคซีน “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณมีความเสี่ยงสูงต่อโรคที่รุนแรง แม้จะมีความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะติดเชื้อไวรัสนี้เมื่อไรก็ตามหลังฉีดวัคซีนแล้ว แต่มีความเป็นไปได้มากที่วัคซีนจะช่วยลดอาการลงได้” เธอกล่าว
    ประเด็นหลังนี้ Dr. Sandro Cinti ศาสตราจารย์สาขาอายุรศาสตร์ภายในและโรคติดต่อที่ Michigan Medicine แห่ง University of Michigan ใน Ann Arbor ได้สะท้อนความเห็นไว้ โดยกล่าวว่า
    “นี่เป็นการศึกษาตัวแบบและการศึกษานี้มีความสมเหตุสมผล แต่ไทม์ไลน์จะอยู่ที่ 5 ถึง 10 ปี  ในช่วงเวลาดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของโรคอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการกระจายวัคซีนที่เรากำลังทำอยู่ในเวลานี้ แต่ในขณะเดียวกัน คุณจะมีคนหลายล้านเสียชีวิต โดยไม่จำเป็น”
    “ดังนั้น ประชาชนไม่ควรคิดว่าตนเองไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน” Dr. Cinti กล่าวเน้น “วัคซีนมีความจำเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ มีความหวังเพียงเสี่ยวเล็กๆ สำหรับอนาคตที่บอกว่าการระบาดจะไม่เกิดขึ้นตลอดไป แต่นั่นไม่ใช่กลยุทธ์  วัคซีนต่างหากที่เป็นกลยุทธ์”
    มีการเผยแพร่การค้นพบครั้งนี้ในวารสาร Science