การศึกษายืนยันสเตียรอยด์สู้COVID-19ในผู้ป่วยอาการหนักได้

JAMA, Agencies

การศึกษาทดลองทางคลินิกหลายชิ้นและการวิเคราะห์อนุมานแสดงให้เห็นว่า การให้ผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการหนักได้รับยาสเตียรอยด์ส่งผลดีและสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยบางรายได้  ให้ความหวังใหม่ในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคลง
    ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยหนักซึ่งได้รับ corticosteroid ชนิดออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (systemic corticosteroids) มีโอกาสน้อยลงร้อยละ 34 ที่จะเสียชีวิตในช่วงเวลา 28 วัน เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับการรักษาพยาบาลปกติหรือยาหลอกในการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม (randomized controlled trial) 7 การทดลองกับยา corticosteroid ชนิดออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย
    การวิเคราะห์เชิงอนุมาน ซึ่งเป็นการศึกษาที่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) สนับสนุนและมีเผยแพร่ในวารสาร JAMA ได้ศึกษาทบทวนข้อมูลเพื่อดูผลโดยรวมของการทดลองทางคลินิก 7 การทดลอง  ครอบคลุมผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการหนักจำนวน 1,703 คน ที่ได้รับการรักษา ณ ศูนย์การแพทย์ต่าง ๆ ใน 12 ประเทศ
และจากการค้นพบของการวิเคราะห์เชิงอนุมาน องค์การอนามัยโลกได้ออกข้อแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยา corticosteroids สำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดย WHO ระบุว่า
    “เราแนะนำยา corticosteroid ชนิดออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย เพื่อรักษาผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการรุนแรงและวิกฤตหนัก” และ “เราไม่แนะนำให้ใช้ยา corticosteroid เป็นยารักษาผู้ป่วย COVID-19 ที่อาการไม่รุนแรง”
    การวิเคราะห์เชิงอภิมานนี้ครอบคลุมการศึกษาหลายชิ้น เพื่อประเมินการออกฤทธิ์ของยา corticosteroid ในผู้ป่วยหนัก ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็น COVID-10 หรือสงสัยว่าเป็น COVID-19  ค่ามัธยฐานของอายุเท่ากับ 60 ปี และผู้เข้าร่วมการศึกษาร้อยละ 29 เป็นผู้หญิง
    อัตราการเสียชีวิต ณ วันที่ 8 ในกลุ่มที่ได้รับยาสเตียรอยด์ต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผู้เสียชีวิต 222 คน จากผู้ป่วย 678 คน ที่ได้รับการสุ่มให้ได้รับยา corticosteroid และมีผู้เสียชีวิต 425 คน จากผู้ป่วย 1,025 คน ที่ได้รับการสุ่มให้ได้รับการรักษาตามปกติหรือยาหลอก โดย odd ratio รวมเท่ากับ 0.66 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 เท่ากับ 0.53 - 0.82; P < .001) ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่สนับสนุนการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์
    ขณะที่การศึกษาหลายชิ้นกำลังดำเนินการอยู่ มีการเผยแพร่การประเมินผลแบบสุ่มของการรักษา COVID-19 ที่สหราชอาณาจักร (โครงการ RECOVERY) ในเดือนมิถุนายน  การทดลองนี้แสดงว่า การใช้ยา dexamethasone เป็นเวลา 10 วัน ให้ผลที่ดีต่ออัตราการเสียชีวิตมากกว่ายาหลอกอย่างมีนัยสำคัญในการทดลองเชิงสุ่มกับผู้ป่วย 6,425 คน
    “สัญญาณที่ได้จากการทดลองครั้งนี้ส่งผลให้การทดลองส่วนใหญ่ที่กำลังดำเนินการอยู่ในการประเมินยา corticosteroid ต้องพักการสรรหาผู้เข้าร่วมการศึกษา” Jonathan A. C. Sterne ผู้นำการเขียนรายงานวิเคราะห์เชิงอนุมานจาก University of Bristol ในสหราชอาณาจักร กล่าว
    คณะทำงานของ Sterne สรุปภาพโดยรวมว่า “ผลการทดลองเหล่านี้จากฐานคลินิกและภูมิภาคต่าง ๆ แสดงว่า การให้ยา corticosteroid ควรเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาพยาบาลมาตรฐานตามปกติสำหรับผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการหนัก”
    รายงานอีก 3 ชิ้น ที่เผยแพร่พร้อมกันใน JAMA ต้องหยุดการศึกษาทดลองก่อนกำหนด  โดยการทดลองดังกล่าวดำเนินการตรวจสอบยาในผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการรุนแรง และให้ผลการศึกษาที่น่าสนใจ


การทดลองที่หยุดลงกับผลที่ได้รับ
    ในการทดลอง COVID-19 Dexamethasone (CoDEX) ซึ่งเป็นการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มหลายศูนย์ (multicenter randomized clinical trial) ที่ประเทศบราซิล  มีการสุ่มให้ผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่เป็น COVID-19 ซึ่งใช้เครื่องช่วยหายใจได้รับการรักษาพยาบาลแบบมาตรฐานตามปกติ (standard care: SC) หรือให้รับยา dexamethasone 20 mg ทางหลอดเลือดดำ ทุกวันเป็นเวลา 5 วัน ตามด้วยยา IV dexamethasone 10 mg ทุกวัน เป็นเวลา 5 วัน หรือจนกว่าจะออกจากหอผู้ป่วยหนัก (I.C.U.)
    ผลลัพธ์หลักของการศึกษา ได้แก่ จำนวนวันที่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจระหว่าง 28 วันแรก  ในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการศึกษา 299 คน จากหอผู้ป่วยหนัก 41 แห่ง มีการสุ่มผู้ป่วย 148 คน ให้ได้รับการรักษาพยาบาลตามปกติ และ 151 คน ให้ได้รับยาสเตียรอยด์  พบว่า จำนวนวันเฉลี่ยที่ไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจในกลุ่มสเตียรอยด์ (6.6 วัน) มากกว่ากลุ่ม SC (4.0 วัน) อย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง 2 กลุ่ม ไม่มีความแตกต่างกันในผลลัพธ์รอง คือ การเสียชีวิต ณ 28 วัน
    ในการทดลอง REMAP-CAP COVID-19 Corticosteroid Domain Randomized Clinical Trial ของคณะผู้วิจัยอีกคณะหนึ่ง มีการประเมินผลการใช้ยา hydrocortisone ในผู้ป่วย COVID-19 วัยผู้ใหญ่ที่มีอาการหนักและพักรักษาตัวในหอผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาล โดยให้กลุ่มหนึ่งรับยา hydrocortisone ทางหลอดเลือดดำ ด้วยขนาดยาคงที่ 50 mg ทุก 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน หรือ 50 mg ทุก 6 ชั่วโมง เวลานานถึง 28 วัน ในขณะที่มีภาวะช็อก ส่วนอีกกลุ่มไม่ได้รับยาสเตียรอยด์  
    ผลลัพธ์หลักของการศึกษา คือ จำนวนวันที่อวัยวะทางเดินหายใจกับหัวใจและหลอดเลือดไม่ต้องรับการช่วยเหลือใน 21 วันแรก จากการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ป่วย 384 คน มีผู้ป่วย 137 คน ในกลุ่มได้รับยา hydrocortisone ในขนาดคงที่ ผู้ป่วย 146 คน อยู่ในกลุ่มที่ได้รับยา hydrocortisone โดยขึ้นอยู่กับภาวะช็อก และผู้ป่วยอีก 101 คน อยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้ยาสเตียรอยด์   จำนวนวันที่อวัยวะไม่ต้องรับการช่วยเหลือโดยรวมมีค่ามัธยฐานเท่ากับ 0 ในทั้ง 3 กลุ่ม  โดยในบรรดาผู้ที่รอดชีวิต พบว่า กลุ่มที่ได้รับยาขนาดคงที่มีจำนวนวันดังกล่าวเท่ากับ 11.5 วัน กลุ่มที่ใช้ยาเมื่อมีภาวะช็อกเท่ากับ 9.5 วัน และกลุ่มที่ไม่ได้รับยาสเตียรอยด์เท่ากับ 6.0 วัน

มุมมองการเปลี่ยนแปลง
    “ในตอนที่เริ่มมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัโคโรนา 2019 ข้อแนะนำเกี่ยวกับยา corticosteroid ไม่ได้ไปในทางเดียวกัน” Dr.Hallie C. Precott แห่ง University of Michigan กับ Ann Arbor และ Dr. Todd W. Rice จาก Vanderbilt University ในแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี เขียนไว้ในบทบรรณาธิการให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์เชิงอนุมานและการศึกษาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
    “โดยภาพรวม การวิเคราะห์เชิงอนุมานชี้ให้เห็นว่า การให้ยาสเตียรอยด์มีความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับผลดีที่มีต่อผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการหนัก  แม้เกณฑ์ที่แน่นอนที่บอกว่าผู้ป่วยควรได้รับการสั่งยา corticosteroid จะยังไม่ชัดเจนก็ตาม”
    การวิเคราะห์เชิงอนุมานและการศึกษาที่เกี่ยวข้อง 3 ชิ้น แสดงถึง “ก้าวครั้งสำคัญที่จะนำไปสู่การรักษาผู้ป่วย COVID-19”
    “การทดลองที่กล่าวมาและการวิเคราะห์เชิงอนุมานได้เสริมความมั่นใจมากขึ้น และยังแสดงต่อไปให้เห็นถึงประโยชน์ และการปรับให้การรักษาภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลันที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ตามวิธีการปกติ ได้รวมยา corticosteroid ไว้ด้วย”
    แต่เรื่องนี้ยังมีคำถามที่รอคำตอบอยู่  ตามความเห็นของ Dr. Prescott และ Dr. Rice คำถามเหล่านี้ ได้แก่  “การอักเสบจะกลับมาหรือไม่ หลังหยุดยา corticosteroid   ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงน้อยกว่าหรือผู้ป่วยที่ไม่ได้เข้ารักษาในโรงพยาบาลควรได้รับการรักษาด้วยยา corticosteroid หรือไม่  ควรให้ยา remdesivir หรือการบำบัดวิธีอื่นที่มีศักยภาพพร้อมกับยา corticosteroid หรือไม่”
    อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ผลของการทดลองใหม่ ๆ ที่เผยแพร่ใน JAMA ให้ประโยชน์ที่น่าสนใจมาก
    “การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้นำความหวาดกลัวและคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกนี้ และการศึกษาเหล่านี้ได้ให้หลักฐานและความหวังบางส่วนว่า มีวิธีการรักษาที่ได้ผล ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง และมีความปลอดภัย”