นวัตกรรมแปลงเพศจากชายเป็นหญิงด้วยเทคนิคใหม่แห่งแรกในโลก

ผศ.พญ.พูนพิศมัย สุวะโจ

การผ่าตัดแปลงเพศในประเทศไทยมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมายาวนานหลายทศวรรษ ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ ในขณะที่เทคนิคการผ่าตัดเพื่อการแปลงเพศอย่างสมบูรณ์แบบก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ล่าสุด ศัลยแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้คิดค้นนวัตกรรมการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงแบบใหม่เป็นแห่งแรกของโลก ด้วยเทคนิคการนำเยื่อบุช่องท้องแบบติดขั้วเส้นเลือดมาใช้ในการสร้างเยื่อบุช่องคลอดเพื่อความเป็นธรรมชาติ และสามารถใช้งานได้ดีเหมือนช่องคลอดของเพศหญิง
    ผศ.พญ.พูนพิศมัย สุวะโจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ผู้คิดค้นการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงโดยใช้เยื่อบุช่องท้องแบบติดขั้วเส้นเลือด ได้อธิบายถึงการผ่าตัดแปลงเพศให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงนั้นมีเทคนิคการผ่าตัดอวัยวะภายนอกที่คล้ายคลึงกันทั่วโลก นั่นคือการสร้างคลิตอริส (Clitoris) การตกแต่งแคมนอก แคมใน และการทำรูเปิดท่อปัสสาวะเพื่อให้มีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศของผู้หญิง หากเปรียบเทียบการผ่าตัดแปลงเพศกับการสร้างบ้าน ก็เหมือนกับการตกแต่งทางเข้าบ้านให้สวยงามและเป็นธรรมชาตินั่นเอง

การผ่าตัดแปลงเพศด้วยเทคนิคทั่วไป : แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักคือ การบุเนื้อเยื่อชนิดไม่มีเยื่อเมือกธรรมชาติ และชนิดมีเยื่อเมือกธรรมชาติ
    ผศ.พญ.พูนพิศมัย กล่าวว่า สรีระของเพศชายนั้นจะไม่มีช่องคลอด จึงจำเป็นต้องสร้างช่องคลอดขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นก็สร้างผนังเยื่อบุช่องคลอดซึ่งเปรียบเสมือนการปูกระเบื้อง ทาสีหรือติดวอลเปเปอร์ภายในบ้าน โดยจะมีการบุเนื้อเยื่อเพื่อไม่ให้ช่องคลอดตีบแคบเข้ามา การตกแต่งภายในช่องคลอด
แบบทั่วไปจึงสามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
    1. การบุเนื้อเยื่อชนิดไม่มีเยื่อเมือกธรรมชาติ
        วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐานของการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง คือการนำหนังขององคชาตเดิมหรือถุงอัณฑะเดิมของผู้ป่วยมาบุภายในช่องคลอดให้มีความลึกเข้าไป
    ข้อดี
    • มีความปลอดภัย เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัดเข้าภายในช่องคลอด
    • สามารถนำอวัยวะเดิมของผู้ป่วยมาตกแต่ง และใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด
    ข้อจำกัด
    • ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้เจลหล่อลื่นเพื่อช่วยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง
    • ต้องขยายช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการหดตัวของช่องคลอดใหม่ที่สร้างขึ้น
    2. การบุเนื้อเยื่อชนิดมีเยื่อเมือกธรรมชาติ
        คือการนำเนื้อเยื่อที่สามารถผลิตเมือกซึ่งเป็นสารหล่อลื่นธรรมชาติมาบุภายในช่องคลอด โดยสามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้
        2.1 การบุด้วยลำไส้ใหญ่หรือลำไส้เล็ก
    ข้อดี
    • ผู้ป่วยไม่ต้องใช้เจลหล่อลื่นช่วยในการมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากเนื้อเยื่อนี้สามารถผลิตเมือกได้เองตามธรรมชาติ
    • เหมาะสำหรับผู้ป่วยซึ่งมีอวัยวะเดิมขนาดเล็ก ทำให้เนื้อเยื่อไม่เพียงพอในการตกแต่งภายในช่องคลอด การผ่าตัดโดยใช้เยื่อเมือกธรรมชาติสามารถช่วยให้การตกแต่งภายในช่องคลอดมีประสิทธิภาพและเหมือนธรรมชาติมากขึ้น
    • สามารถแก้ไขปัญหาการตีบตันของช่องคลอดในผู้ป่วยที่ผ่าตัดด้วยเนื้อเยื่อชนิดไม่มีเยื่อเมือกธรรมชาติได้
    ข้อจำกัด
    • มีความเสี่ยงมากกว่าการผ่าตัดแบบบุด้วยเนื้อเยื่อชนิดไม่มีเยื่อเมือกธรรมชาติ เนื่องจากการบุด้วยลำไส้ใหญ่หรือลำไส้เล็กต้องมีการผ่าตัดต่อลำไส้ภายในช่องท้อง อาจทำให้เกิดการอักเสบภายในช่องท้อง หรือเกิดการรั่วของรอยต่อลำไส้ซึ่งอาจเกิดการติดเชื้อในช่องท้องรุนแรงได้
    • ผู้ป่วยบางกลุ่มที่เป็นโรคลำไส้ เช่น ลำไส้อักเสบหรือมีกระเปาะที่ลำไส้จะไม่สามารถผ่าตัดด้วยวิธีบุด้วยลำไส้ได้
    2.2 การบุด้วยเนื้อเยื่อช่องท้องแบบติดขั้วเส้นเลือด-นวัตกรรมใหม่แห่งแรกของโลก
    จากข้อจำกัดในการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงด้วยการใช้ลำไส้บุช่องคลอดดังกล่าวนั้น ผศ.พญ.พูนพิศมัย จึงค้นคว้าและศึกษาวิธีเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในการแก้ปัญหานี้ รวมถึงพบงานวิจัยจากต่างประเทศเรื่องการผ่าตัดแก้ไขการไม่มีช่องคลอดของผู้หญิงที่มีความผิดปกติ การเจริญของระบบท่อมุลเลอเรียนดว้ ยการใชเ้ ยื่อบุช่องท้องมาตกแต่งเป็นช่องคลอด ซึ่งสามารถทำให้ลึกได้ถึง 6-9 เซนติเมตร อีกทั้งยังสามารถหด ขยายตัวได้และมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
    จากการค้นคว้าดังกล่าวพบว่า การใช้เยื่อบุช่องท้องทำเป็นผนังช่องคลอดได้ผลดี ประกอบกับช่องเชิงกรานของเพศชายและหญิงมีความแตกต่างกันผศ.พญ.พูนพิศมัย จึงได้นำวิธีการใช้เยื่อบุช่องท้องนี้มาประยุกต์ใช้ในงานศัลยกรรมตกแต่งในการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง โดยใช้เทคนิคการบุด้วยเยื่อบุช่องท้องแบบติดขั้วเส้นเลือด โดยได้ศึกษาว่าเส้นเลือดบริเวณใดที่ทำให้ช่องท้องยืดหยุ่นได้ดี ก็จะนำเนื้อเยื่อส่วนนั้นมาออกแบบใหม่ด้วยเทคนิคของศัลยกรรมตกแต่ง จนสามารถตกแต่งช่องคลอดของผู้รับการผ่าตัดเพื่อให้ได้เยื่อบุช่องท้องที่มากและมีความลึกเพียงพอที่จะบุช่องคลอดใหม่ในหญิงข้ามเพศ ทั้งยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย
    จากความสำเร็จนี้ทำให้เกิดเป็นเทคนิคใหม่ครั้งแรกของโลกด้วยความร่วมมือของ รศ.นพ.สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ ทีมศัลยกรรมผ่าตัดผ่านกล้อง ทีมศัลยกรรมตกแต่ง และทีมวิสัญญีแพทย์ โดยทั่วไปการผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาผ่าตัดราว 6 – 10 ชั่วโมงโดยประมาณ จากนั้นแพทย์จะนัดติดตามผลด้วยการส่องกล้องตรวจเช็คช่องคลอดในระยะเวลา 1 เดือนหลังการผ่าตัดแปลงเพศแบบเทคนิคการบุด้วยเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งเทคนิคนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Female Pelvic Medicine & Reconstructive Surgery เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา

ข้อดีและข้อจำกัดของการบุด้วยเยื่อบุช่องท้องแบบติดขั้วเส้นเลือด
    จากการติดตามผลของผู้ที่รับการผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้พบว่า ช่องคลอดใหม่ของผู้ผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงเยื่อบุช่องท้อง ทำให้มีสีชมพูระเรื่อ ชุ่มชื้นและมีเมือกออกมาค่อนข้างดี อีกทั้งภายในช่องคลอดยังมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ เป็นธรรมชาติคล้ายช่องคลอดของผู้หญิง นอกจากนี้เมื่อนำเซลล์เยื่อบุช่องท้องของผู้ที่รับการผ่าตัดมาตรวจสอบ พบว่า เซลล์เยื่อบุช่องท้องสามารถพัฒนากลายเป็นเซลล์ที่มีลักษณะเหมือนช่องคลอดของผู้หญิงอีกด้วย
    ข้อดี
    • เนื้อเยื่อนี้สามารถผลิตเมือกได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ช่องคลอดมีความชุ่มชื้น แต่อาจยังต้องใช้เจลหล่อลื่นในการมีเพศสัมพันธ์
    • มีความธรรมชาติใกล้เคียงกับช่องคลอดของผู้หญิง
    • ช่วยแก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่ผ่าตัดด้วยเนื้อเยื่อชนิดไม่มีเยื่อเมือกธรรมชาติ แล้วเกิดการตีบตันของช่องคลอด
    ข้อจำกัด
    • เนื่องจากเป็นเทคนิคใหม่ จึงต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญในการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

    การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงด้วยเทคนิคการบุด้วยเยื่อบุช่องท้องแบบติดขั้วเส้นเลือด นับเป็นการยกระดับการผ่าตัดแปลงเพศที่มีความปลอดภัยและค่อนข้างสมบูรณ์แบบ จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
    ผศ.พญ.พูนพิศมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศทั้งจากเพศสภาพชายเป็นหญิง หรือหญิงเป็นชายจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อประเมินความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจอย่างละเอียดก่อนการผ่าตัด เพราะปัจจุบันเพศมีความหลากหลายมากขึ้น ผู้ป่วยต้องค้นพบความต้องการที่แท้จริงของตนเองก่อน เนื่องจากเมื่อผ่าตัดแปลงเพศแล้ว จะไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

ขอขอบคุณที่มา


https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/%e0%b9%81%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a8%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b8%b4%e0%b8%87/