หลังจากที่ ‘รัฐ’ ได้เปิดไฟเขียว ปลดล็อคให้ ‘พืชกัญชา’เป็นพืชเศรษฐกิจประเภทสมุนไพรอย่างถูกต้อง ทำให้กระแสของผลิตภัณฑ์จากกัญชาหรือมีส่วนผสมของกัญชาได้รับความนิยมอยู่ต่อเนื่องไม่เว้นเมนูยอดฮิต อย่าง “ชา ที่มาจากใบกัญชาหรือ น้ำกัญชา” ก็นับว่าเป็นเมนูยอดฮิตที่สายเขียวต่างนิยมไว้ใช้ดับกระหายเช่นกัน
ล่าสุดมีข้อมูลในวงการแพทย์ระบุเมื่อไม่นานมานี้ในวงการแพทย์ได้คันพบสาร Anandamideหรือ AEA ซึ่งเป็นสารกัญชาที่ร่างกายสร้างขึ้นเองสำหรับในผู้สูงอายุหรือผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรง ระบบกัญชาในร่างกายจะทำงานไม่เต็มที่ ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความอ้วน ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดสูงซึ่งจะนำไปสู่โรคร้ายแรงต่อไป แต่เราสามารถทดแทนสารกัญชาในร่างกายที่ขาดหายไปด้วยสารที่อยู่ในพืชกัญชาได้ด้วยสาร Tatrahydrocannabinol (THC) และสาร Cannabidiol(CBD) จึงมีการนำส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชามาใช้เป็นยารักษาโรคหลากหลายชนิดทั้งในทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทยอย่างแพร่หลาย และสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ หรือต้องการทดแทนสารกัญชาในร่างกายที่ขาดหายไปการดื่มเครื่องดื่มสุขภาพอย่าง‘ชากัญชาและน้ำกัญชา’ ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ชากัญชาและน้ำกัญชาเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันทั่วโลกมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว มาเลิกดื่มเมื่อกัญชาถูกระบุว่าเป็นสารเสพติดผิดกฎหมายเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว แต่แล้วสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อวงการแพทย์เริ่มค้นพบคุณสมบัติพิเศษในพืชกัญชาที่สามารถป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ได้
และในเอกสารทางการแพทย์ ชื่อ“การแพทย์แคนนาบินอยด์ และกัญชาการแพทย์ โดยแพทย์หญิงอรพรรณ์ เมธาดีลกกุล สมาคมแพทย์อาชีวเวชศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย”กล่าวถึง ระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ (endocannabinoid system (ECS)) ไว้ว่า‘การค้นพบระบบใหม่ในร่างกายซึ่งเป็นองค์ประกอบกลางของสุขภาพและการซ่อมแซมของร่างกาย ทำให้ได้ทราบว่าในร่างกายของเรามี ระบบหนึ่งซึ่งเป็นระบบพื้นฐานที่เป็นศูนย์กลางของระบบการควบคุมร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุลและมีการซ่อมแซมกล่าวคือมีรายงานการวิจัยพบว่า endocannabinoidsที่มีชื่อว่า anandamide (AEA) และ2-arachidonoyIglycerol (2-AG), พบว่าเป็น arachidonic acid (AA) derivatives และเป็นที่ทราบว่ามีหน้าที่ในการควบคุมระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบสมองและประสาทส่วนกลาง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบฮอร์โมน และระบบอื่นในร่างกาย’
สำหรับการดูแลสุขภาพ เราสามารถนำใบกัญชาแห้งมาต้ม หรือทำชากัญชา ใช้ดื่มได้ตลอดทั้งวันนอกจากสาร THC และ CBD แล้ว พืชกัญชายังมีสารกลุ่มเทอปีนอยด์ (Terpinoid) และกลุ่มฟลาโวนอดย์(Flavonoid) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมากด้วย
ทางด้านนายแพทย์สุพจน์สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮีและศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชาโรงพยาบาลยันฮีเล่าให้เราฟังว่า “โรงพยาบาลยันฮีได้ส่งทีมบุคลากรไปอบรมกัญชาทางการแพทย์อย่างจริงจัง ทำให้เราพบว่าทั่วโลกเองต่างก็ให้ความสนใจที่จะเลือกใช้ยาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชามาใช้ในการรักษาโรคเช่นกัน
สำหรับผลิตภัณฑ์กัญชาที่ผลิตขึ้นนั้น ปัจจุบันเราแบ่งเป็นยาใช้ทั้งภายในและภายนอก โดยยาใช้ภายใน จะได้แก่ ยาราตรี, ยานิทรา, ยากัญชู, ยากัญซึม, น้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น และยาดองกัญชา ส่วนยาใช้ภายนอกนั้น จะได้แก่ ยากัญเกา, กัญชาบาล์ม, กัญชาสเปรย์ และน้ำมันนวดกัญชานอกจากนี้ ยังมี ยันฮีน้ำกัญชาผสมวิตามิน กลิ่นลาเวนเดอร์มิกซ์ เบอร์รี่ ที่ได้ร่วมมือกับทางโอสถสภา ที่ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกผ่อนคลาย หลับง่ายมากขึ้นซึ่งได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีมาก
และก่อนจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ยันฮีทุกวันนี้ ทางทีมวิจัยของยันฮีต้องผ่านการคิดค้นและวิจัยมาหลายขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบกัญชาออร์แกนิค ต้องเป็นสายพันธุ์หางกระรอก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดที่ปลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและปลอดภัย ผ่านกระบวนการสกัดแบบพิเศษเพื่อให้คงสารแคนนาบินอยด์ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความกังวลได้มากที่สุด”
อนึ่ง การดื่มชากัญชาและน้ำกัญชาจะแตกต่างจากการสูบกัญชาเป็นอย่างมาก เพราะใบกัญชามีสารประกอบส่วนใหญ่เป็นสาร CBD ซึ่งไม่มีผลต่อระบบประสาทและไม่ทำให้เกิดการเสพติด ส่วนการสูบกัญชาจากช่อดอกที่มีสาร THC ปริมาณสูงจะทำให้มีอาการเมาและเสพติดได้ จึงควรศึกษาและใช้ด้วยความระมัดระวัง