เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน หัวหน้าหน่วยวิจัยโรคติดเชื้อทางคลินิก และรักษาการหัวหน้าศูนย์ทดสอบวัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน หัวหน้าหน่วยวิจัยโรคติดเชื้อทางคลินิก และรักษาการหัวหน้าศูนย์ทดสอบวัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับโปรดเกล้าฯ รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลาเข็มศิลปวิทยา ประจำปี 2563 สาขาแพทยศาสตร์ ซึ่งเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดลเพียงท่านเดียวที่ได้รับเกียรติสูงสุดดังกล่าว นำมาซึ่งความภาคภูมิใจในฐานะ "ปัญญาของแผ่นดิน"
ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม เป็นอาจารย์แพทย์นักวิจัยผู้มีผลงานที่โดดเด่นในเรื่องวัคซีนเอดส์มากว่า 20 ปี ซึ่งมากด้วยประสบการณ์ และองค์ความรู้ที่สามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การวิจัยวัคซีนเอดส์รุ่นใหม่ได้อย่างก้าวกระโดดเหตุที่โรคเอดส์ยังคงระบาดจนถึงทุกวันนี้ สาเหตุหลักมาจากปัญหาทางพฤติกรรม หรือการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเรื่องเพศและยาเสพติด ซึ่งมีแนวโน้มจะมีอุบัติการณ์สูงขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น โดย ศาสตราจารย์แพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม กล่าวว่า ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ จำเป็นต้องใช้มาตรการหลายอย่างประกอบเข้าด้วยกัน แต่ที่ผ่านมาก็ยังพบว่าสามารถควบคุมได้เพียงในระดับหนึ่ง ซึ่ง "การพัฒนาวัคซีนเอดส์เป็นความหวังเดียวที่จะสามารถยับยั้งการระบาดได้อย่างยั่งยืน"
ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม กล่าวต่อไปว่า วัคซีนถือเป็นอาวุธสำคัญที่จะสามารถยับยั้งการระบาดของโรคเอดส์ได้ เนื่องจากเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทานต่อโรค ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อ หรือโรคอุบัติใหม่อย่างเช่น COVID-19 โดยเชื่อว่าหากมีการพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่เพิ่มขึ้นร่วมกับศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถพัฒนาต่อยอดทางคลินิกไปได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถคิดค้นวัคซีนใหม่ที่มีประสิทธิภาพ และใช้ได้ผลจริงในที่สุด "การทำงานก็เหมือนกับการได้ปฏิบัติธรรม ถือเป็นการฝึก "พรหมวิหาร 4" เมตตา - กรุณา - มุทิตา - อุเบกขา ต่อผู้อื่นไปด้วยในตัว ซึ่งความสำเร็จนั้นไม่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานเพียงคนเดียว จึงขอขอบคุณทีมงาน และผู้ให้การสนับสนุนทุกระดับ ทั้งในส่วนของมหาวิทยาลัยมหิดล และกระทรวงสาธารณสุขมา ณ โอกาสนี้" ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม กล่าวทิ้งท้าย