น้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรมได้รับการบรรจุเป็นรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรเพิ่มเติมเป็นรายการที่ 4 จากจำนวนรายการยาจากสมุนไพร 10 ตำรับ ช่วยให้ผู้ป่วยระยะท้าย สามารถเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ในระบบหลักประกันสุขภาพของรัฐได้มากขึ้น
ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2565 ได้บรรจุรายการยาจากกัญชาที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมเพิ่มเติม เป็นตำรับที่ 4 ซึ่งได้แก่ ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี delta-9-tetrahydrocannabinol (THC) 3 mg/drop (81 mg/ml) หรือ GPO SIBANNAC THC Forte Cannabis Oil (จีพีโอ ซีบาแนค ทีเอชซี ฟอร์ท แคนนาบิส ออยล์) โดยยาน้ำมันสารสกัดกัญชาดังกล่าวมี THC เข้มข้นในปริมาณ 81 มิลลิกรัมต่อ 1 มิลลิลิตร หรือปริมาณความเข้มข้น THC สูงถึง 6 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์เดิม ใช้เป็นการรักษาเสริมในภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่มีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดในระดับปานกลางจนถึงรุนแรง โดยผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิรักษาตามหลักประกันสุขภาพของรัฐได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่คลินิกกัญชาทางการแพทย์ในสถานพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม ได้ถูกบรรจุเป็นรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร พ.ศ.2564 ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564มาแล้ว 3 รายการ ได้แก่ 1.ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC เด่น สำหรับใช้รักษาเสริมหรือควบรวมกับการรักษาตามมาตรฐานในภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัดและใช้รักษาเสริมในผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่มีอาการนอน ไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดในระดับปานกลางถึงรุนแรง 2.ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี CBD เด่น ใช้ในการรักษาโรคลมชักรักษายากและโรคลมชักที่ดื้อต่อการรักษา 3. ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC และ CBD ในอัตราส่วน 1:1 ใช้รักษาเสริมในผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่มีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวด ในระดับปานกลางถึงรุนแรง ที่รักษาด้วยยามาตรฐานไม่ได้หรือไม่ได้ผล
“การบรรจุรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติเพิ่มเติมนี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยระยะท้ายมีโอกาสเข้าถึงการรักษาเสริมด้วยยาจากกัญชาได้มากขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว