นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง เตือนประชาชนระวัง พิษร้ายจากปลาปักเป้า แม้บริโภคเพียงเล็กน้อยแต่สามารถเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เผยส่วนใหญ่พบปะปนในเนื้อปลาแล่ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป จึงขอให้ประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าสังเกตให้ดีก่อนนำมาจำหน่ายหรือซื้อรับประทานเนื่องจากหากได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังกรณีของประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ได้รับอันตรายจากการบริโภคเนื้อปลาปักเป้าแล่ที่ซื้อจากตลาด โดยพิษทำให้เกิดอาการหมดสติและกล้ามเนื้อกระตุกไปทั้งตัว
สำหรับปลาปักเป้าในประเทศไทยสามารถพบได้ทั้งในน้ำจืดและทะเล มีทั้งชนิดที่มีพิษและไม่มีพิษ ขณะที่พิษของปลาปักเป้าพบได้ทุกส่วนของตัวปลา แต่พบมากที่บริเวณไข่ ตับ เครื่องใน และหนัง โดยสามารถแยกประเภทของพิษตามชนิดของปลาปักเป้าได้ดังนี้
1.ปลาปักเป้าทะเลมีพิษที่เรียกว่า "เทโทรโดท็อกซิน" (Tetrodotoxin) ซึ่งมีผลต่อการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท ทำให้เกิดอาการลิ้นชา อาเจียน กล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรง เดินเซ ขยับเขยื้อนไม่ได้ หายใจลำบาก ซึ่งหากมีอาการแพ้มากและรักษาไม่ทันอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยอาการมักเกิดอย่างรวดเร็วหลังรับประทานภายใน 5-20 นาที หรืออาจนานถึง 2-3 ชั่วโมง
2.ปลาปักเป้าน้ำจืดมีพิษที่จัดอยู่ในกลุ่ม PSP (Paralytic Shellfish Poison) เมื่อได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายพิษจะเข้าไปขัดขวางเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทและเซลล์กล้ามเนื้อ จึงเกิดการยับยั้งการส่งกระแสประสาทและการส่งสัญญาณไฟฟ้าของเซลล์ต่างๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชาและเกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย และที่เป็นอันตรายที่สุดคือการเป็นอัมพาตของกล้ามเนื้อช่วยหายใจ ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวการณ์หายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
นายถาวร กล่าวต่อไปว่า ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาปักเป้าอย่างเด็ดขาด โดยสังเกตเลือกซื้อปลาที่ผ่านการแล่ทุกครั้ง หากเป็นเนื้อปลาปักเป้าจะมีลักษณะชิ้นเนื้อหนา สีขาวอมชมพู ลายกล้ามเนื้อไม่ชัดเจน และมีเยื่อพังผืดหุ้มชิ้นเนื้อ เมื่อปรุงสุกเนื้อจะมีสีขาวคล้ายเนื้อไก่ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยควรเลือกซื้อเนื้อปลาที่ผ่านการแล่จากแหล่งที่ทราบชนิด รวมถึงแหล่งที่มาของเนื้อปลา เพื่อลดความเสี่ยงการบริโภคปลาปักเป้าที่อาจเกิดอันตรายถึงตายได้
ในปัจจุบันการรักษาพิษจากปลาปักเป้านั้นยังไม่มีตัวยาใดที่สามารถแก้พิษได้ และการใช้ความร้อนในการปรุงอาหารไม่สามารถทำลายพิษของปลาปักเป้าได้เช่นกัน จึงขอฝากเตือนถึงประชาชนไม่ให้นำปลาปักเป้าทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นปลาปักเป้าน้ำจืดหรือปลาปักเป้าทะเลมาบริโภคโดยเด็ดขาด และหากสงสัยว่าได้รับพิษจากปลาปักเป้าให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้จำหน่ายจะมีความผิดตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 264) พ.ศ.2545 เรื่อง การกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายปลาปักเป้าทุกชนิด และอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.45 ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตราที่ 50 แห่ง พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท