การมีสุขภาพดีและร่างกายที่แข็งแรง คือสิ่งที่ทุกคนล้วนต้องการ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพหลายด้านนั่นก็คือ มวลกล้ามเนื้อ เพราะนอกจากจะทำหน้าที่พยุงโครงสร้างทั้งหมดของร่างกายแล้ว กล้ามเนื้อที่แข็งแรงยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก สามารถฟื้นฟูจากอาการเจ็บป่วยได้เร็ว อีกทั้งยังส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย และช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงป้องกันการเจ็บป่วยและโรคเรื้อรังได้หลายชนิด[1]
ซึ่งวิธีการสร้างมวลกล้ามเนื้อนั้น สามารถทำได้ทั้งจากการรับประทานอาหารประเภทโปรตีน โดยพิจารณาเลือกแหล่งโปรตีนและปริมาณที่เพียงพอเหมาะสมต่อร่างกายของแต่ละคน และด้วยวิธีการออกกำลังกาย ซึ่งรูปแบบการออกกำลังกายที่เน้นสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรง คือ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักของตัวเอง หรือน้ำหนักตัวเองร่วมกับแรงต้านภายนอกเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้มวลกล้ามเนื้อ โดยท่าออกกำลังกายพื้นฐานของเวทเทรนนิ่งที่หลายคนคุ้นเคยนั้นได้แก่ ยกดัมเบล (Weightlifting), ซิทอัพ (Sit-up), สควอท (Squat), และ ท่าแพลงก์ (Plank)3
การสร้างมวลกล้ามเนื้อ ถือเป็นการบำรุงเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายอย่างยั่งยืน เพราะโดยทั่วไปแล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 30-40 ปี[2] ร่างกายคนเราจะเกิดภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อหรือภาวะมวลกล้ามเนื้อพร่อง (Sarcopenia) โดยเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อจะค่อยๆ เสื่อมและลดตามวัย ซึ่งจะเริ่มเห็นผลกระทบต่ออย่างเห็นได้ชัดเมื่ออายุ 60 ปี เช่น มีอาการเหนื่อยง่าย เคลื่อนตัวและลุกนั่งลำบาก ไปจนถึงความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆ และโรคแทรกซ้อนตามมาอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งการดูแลสุขภาพอของมวลกล้ามเนื้อมีส่วนช่วยสำคัญในการป้องกันและชะลอภาวะการเสื่อมของกล้ามเนื้อได้
[1] The American Journal of Clinical Nutrition: The underappreciated role of muscle in health and disease (external)
แต่น่าเสียดายที่ในขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง อย่างต่อเนื่องได้เป็นเวลานาน อาทิ ผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านสุขภาพหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด[1] รวมถึงผู้ที่มีอาการบาดเจ็บทางกายภาพและต้องพักรักษาตัว[2] ผู้ที่อยู่ระหว่างและหลังตั้งครรภ์[3] เป็นต้น
ซึ่งในปัจจุบัน มีนวัตกรรมทางเลือกใหม่ในการช่วยสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนรักสุขภาพ โดยการใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงส่งตรงไปยังชั้นกล้ามเนื้อแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้เกิดการบีบรัดและหดเกร็งอย่างสม่ำเสมอเสมือนการออกกำลังกาย โดยเทคโนโลยีดังกล่าวมีชื่อว่า HIFEM®[4] (High Intensity Focused Electro-Magnetic Field) ที่กระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อใหม่และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีนวัตกรรมเพียง 3 เครื่องในโลกเท่านั้นที่มีเทคโนโลยี HIFEM® ได้แก่ เครื่อง Emsculpt[5], Emsella[6] และล่าสุดอย่าง Emsculpt NEO[7]
สำหรับนวัตกรรม “Emsculpt NEO” เรียกได้ว่าเป็นโซลูชันใหม่ที่ให้ผลลัพธ์ในการสร้างกล้ามเนื้อได้คล้ายคลึงกับกระบวนการออกกำลังกาย โดยผสานสองเทคโนโลยีคลื่นพลังงานความถี่สูง HIFEM® และ Synchronized RF ซึ่งมีประสิทธิภาพช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยและเพิ่มขนาดของมวลกล้ามเนื้อ ในขณะเดียวกัน พลังงานดังกล่าวจะทำให้ร่างกายเปรียบเสมือนเตาเผาชั้นเยี่ยมและเกิดกระบวนการสลายไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด (noninvasive) จึงไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น โดยสามารถทำการรักษาได้ทั้งบริเวณหน้าท้อง ก้นต้นแขน ต้นขา และน่อง ด้วยระยะเวลาการรักษา 4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญ Emsculpt NEO ได้ผ่านการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา เป็นนวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพที่สะดวกและปลอดภัยต่อคนไข้
และล่าสุดนี้ ทาง BTL Aesthetics ได้เปิดตัวนวัตกรรม “Edge Applicators” แอปพลิเคเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับเครื่อง Emsculpt NEO ที่มีคุณสมบัติช่วยสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันบริเวณช่วงเอวด้านข้างและด้านหลังลำตัว ซึ่งเป็นจุดที่ยากต่อการเผาผลาญออก[8] ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาด้วย Emsculpt NEO ให้ครอบคลุมมากขึ้น
จะเห็นได้ว่านอกจากการสร้างมวลกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายแล้ว นวัตกรรม Emsculpt NEO และ Edge Applicators ยังเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพื่อผลลัพธ์กล้ามเนื้อที่กระชับขึ้น รวมถึงผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับรูปร่าง เช่น ปัญหากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกในคุณแม่หลังคลอด หรือผู้ที่ออกกำลังกายแล้วกล้ามไม่ชัดเจนหรือสวยงามตามที่ตั้งเป้าไว้ ช่วยเพิ่มความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพ
หรือหากใครที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเซลลูไลท์และไขมันสะสม ยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมล่าสุดอย่างเครื่อง “EMTONE”[9] ที่นอกจากจะสามารถแก้ปัญหาเซลลูไลท์ได้ทุกระดับแล้ว ยังมีประสิทธิภาพในการสลายไขมันและกระชับผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูความหย่อนคล้อย ซึ่งโดยปกติแล้ว การรักษาปัญหาเซลลูไลท์มักเป็นการผ่าตัดและดมยาสลบ แต่เครื่อง EMTONE เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่สามารถทำการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น (noninvasive)[10] จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลรูปร่างอย่างครบวงจร
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อของคำปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่โรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลได้ที่ https://btlaesthetics.com/en/clinics-near-me
[8] Jacob, C., Kent, D., Ibrahim, O. (2021). Synchronized RF & HIFEM: Multicenter Abdominal MRI Study. Chicago: Dermatologic Surgery Journal.
[10] Fritz, Klaus., Salavastru, C., Gyurova, M. (2018). Clinical evaluation of simultaneously applied monopolar radiofrequency and targeted pressure energy as a new method for noninvasive treatment of cellulite in postpubertal women. Landau: Journal of Cosmetic Dermatology.