โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ จับมือโปรเฟสเซอร์ชาวเกาหลี ผู้คิดค้นเทคนิคในการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังด้วยการส่องกล้อง โดยใช้กล้องขนาดเล็กเป็นรายแรกของโลก เตรียมผุดเทคนิคการรักษาโรคกระดูกสันหลังและระบบประสาทเทคนิคใหม่ เล็งต่อยอดให้คนทั่วโลกเข้ามารักษาโรคกระดูกสันหลังในประเทศไทย มุ่งหวังเปิดศูนย์เทรนนิ่งให้กับแพทย์ทั่วโลก
นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ เผยว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลเอส สไปน์ นับเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาทที่เชี่ยวชาญ และยังเป็นโรงพยาบาลเดียวที่คิดค้นเทคนิคการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังใหม่ๆ พร้อมความชำนาญในการใช้เครื่องมือผ่าตัดที่ทันสมัย โดยล่าสุดกำลังจะต่อยอดและเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาล ซึ่งได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ Kang Taek Lim (คังแทก ลิม) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล SEOUL SEGYERO และประธานกรรมการ Korean Research Society of Endoscopic Spine Surgery, KOSESS มาเสริมทัพ เพื่อขยับศักยภาพการรักษาโรคกระดูก สันหลังและระบบประสาทด้วยเทคนิคใหม่ๆ โดยนพ.ลิม ซึ่งเป็นผู้คิดค้นวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังด้วยการส่องกล้องขนาดเล็กเป็นรายแรกของโลก และถือว่าเป็นศัลยแพทย์ที่มีฝีมือและได้รับการยอมรับอย่างมากในปัจจุบัน จึงถือได้ว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการใหม่ในด้านการรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังในประเทศไทย
ทั้งนี้ นพ.ดิตถพงษ์ ยังเผยอีกว่านับเป็นโอกาสที่ดีของโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ อย่างมาก เพราะนพ.ลิม จะเข้ามาช่วยแสดงความคิดเห็นในการรักษาผู้ป่วยเคสที่มีความซับซ้อนและยาก ที่สำคัญ นพ.ลิม ยังเป็นผู้คิดค้นเทคนิคการรักษาใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคนิคการผ่าตัดแบบแผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ประสิทธิภาพเท่าการผ่าตัดใหญ่ ไม่ต้องเสียเลือด ข้อแทรกซ้อนน้อย ปลอดภัย และเขายังเป็นแพทย์ที่คิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ที่เก่งมาก ดังนั้นการร่วมมือของโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ และนพ.ลิม ในครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมมือที่ทั่วโลกต้องจับตาอย่างมาก
และสาเหตุที่นพ.ลิม เลือกมาที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ เพราะเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้านทั้งอุปกรณ์ และบุคคลากรในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ซึ่งการมาของ นพ.ลิมในครั้งนี้จะเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ เป็นอย่างมาก เพราะจะได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ที่เขาเป็นผู้คิดค้นและเผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งนานๆ ครั้งถึงจะได้เจอกับแพทย์ที่มีความสามารถแบบนี้สักคน และในหลาย 10 ปีอาจพบเจอเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมงานกับบุคคลที่มากความสามารถและเชี่ยวชาญเช่นนี้ ที่สำคัญยังเป็นผลดีอย่างมากต่อการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังในประเทศไทย
ทั้งนี้ นพ.ดิตถพงษ์ ยังมองเป้าหมายในอนาคตว่าถ้าเรามีความรู้ที่รอบด้าน และอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในอนาคตอาจจะมีโปรเจคการทำ Animal lab (Lab จำลองการผ่าตัดเสมือนจริง) สำหรับเทรนนิ่งแพทย์ที่มาจากต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้สู่นานาประเทศ และในอนาคตจะเป็น HUB ในการรักษาผู้ป่วยต่างชาติที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังด้วยการใช้กล้องเอ็นโดสโคป เป็นอันดับต้นๆ ของโลก