รพ.หนองสูง จ.มุกดาหาร เปิดคลินิกผู้สูงอายุ ดูแลผู้มีความเสี่ยงจากการคัดกรองสุขภาพ พบปัญหา ช่องปาก-ความดันสูงสุด

www.medi.co.th


ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดคลินิกผู้สูงอายุ โรงพยาบาลหนองสูง จ.มุกดาหาร รองรับการดูแลรักษาผู้สูงอายุที่พบปัญหาจากการคัดกรองสุขภาพ 9 ด้าน ตามนโยบาย “ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” โดยคัดกรองสุขภาพแล้วกว่า 86% พบความเสี่ยงด้านสุขภาพช่องปาก ป่วยความดันโลหิตสูง เป็นอันดับ 1 พร้อมเปิดอาคารผู้ป่วยพิเศษ “หลวงปู่แสน ฐานังกะโร” ขนาด 16 เตียง อำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานเปิดอาคารผู้ป่วยพิเศษ “หลวงปู่แสน ฐานังกะโร” และเปิดคลินิกผู้สูงอายุ โดยมี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 นพ.บัณฑิตย์ ไชยอุป ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองสูง คณะผู้บริหาร บุคลากร เจ้าหน้าที่ ร่วมพิธี

 


นพ.โอภาส กล่าวว่า โรงพยาบาลหนองสูงได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบาย “ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” ของกระทรวงสาธารณสุข โดยเปิดคลินิกผู้สูงอายุ และร่วมกับเครือข่าย อสม. รพ.สต. คัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ 9 ด้าน ปัจจุบันอำเภอหนองสูงมีประชากรผู้สูงอายุสูง 3,902 คน คัดกรองสุขภาพแล้วร้อยละ 86.39 พบมีปัญหาความเสี่ยงด้านสุขภาพช่องปากสูงเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 32.90 รองลงมาเป็นความเสี่ยงด้านการได้ยินร้อยละ 32.22 และความเสี่ยงด้านการเคลื่อนไหวร่างกายร้อยละ 23.54 ส่วนอาการป่วย พบเป็นโรคความดันโลหิตสูงเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 45.19 รองลงมาโรคเบาหวาน ร้อยละ 21.53 และโรคไตวายเรื้อรัง ร้อยละ 5.97 ซึ่งผู้สูงอายุที่มีปัญหา/ความเสี่ยงด้านสุขภาพ จะได้รับการคัดกรองความเสี่ยงเพิ่มเติมโดยทีมสหวิชาชีพ และส่งเข้ารับการดูแลรักษาโดยแพทย์ในคลินิกผู้สูงอายุ โดยจัดบริการ แบบ one stop service และหากมีปัญหาสุขภาพเกินขีดความสามารถ จะส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหารต่อไป


พร้อมกันนี้ ได้เปิดอาคารผู้ป่วยพิเศษ “อาคาร หลวงปู่แสน ฐานังกะโร” ขนาด 16 เตียง ซึ่งใช้งบลงทุนกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2562 จำนวน 11,200,000 บาท จากการจัดกิจกรรม เดิน-วิ่งการกุศลและกิจกรรม ปั่นสนุก สูดโอโซน @หนองสูง และเงินบริจาคจาก หลวงปู่แสน ฐานังกะโร วัดป่าภูกะโล้น อีก 1 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จึงได้ใช้เป็นอาคารรักษาผู้ป่วยโควิด 19 จนสถานการณ์ดีขึ้น ได้ปรับปรุงเพื่อรับผู้ป่วยเข้าพักรักษาเป็นผู้ป่วยใน ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา