จากกรณีข่าว การแบ่ง Vaccine AstraZeneca ใน 1 ขวดให้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 12 doses จากจำนวน 10 doses นั้น ด้านสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขได้ให้ความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวนี้
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ได้อธิบายในเรื่องนี้ว่า “เรื่องการแบ่ง Vaccine AstraZeneca ว่า องค์การอนามัยโลกสนับสนุนการแบ่งวัคซีนให้สามารถทำได้และเกิดประโยชน์โดยจะทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น ทั้งนี้ ในความเป็นจริงในกระบวนการผลิต ผู้ผลิตจะผลิตและบรรจุวัคซีนโดยมีการสำรองวัคซีนไว้ประมาณ 16-24% ซึ่งสำหรับ Vaccine AstraZeneca ที่ใช้อยู่มีขนาดบรรจุ 5 cc และสำหรับ 10 doses มีการบรรจุจริง 6.5 cc ทั้งนี้ การฉีดแต่ละdose ต้องใช้ 0.5 cc เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผู้รับวัคซีน ซึ่งเมื่อใช้ครบ 10 โดส ตามข้อบ่งชี้แล้ว อาจมีวัคซีนเหลืออยู่จำนวน 1-1.5 cc ต่อขวด
ทั้งนี้ การดูดวัคซีนซึ่งดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ มีการดำเนินการอย่างระมัดระวังที่ทำให้การดูดวัคซีนเป็นไปอย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ปริมาณที่แน่นอนที่ 0.5 cc ตามข้อบ่งชี้” “ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่การนำเอาวัคซีนที่อาจเหลืออยู่ 1-1.5 cc ต่อขวดดังกล่าวมาใช้ ซึ่งอาจใช้ได้อีก 1 หรือ 2 dose โดยในการบริหารจัดการนั้นมีเหตุผลสำคัญ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการให้วัคซีนกับประชาชน และเพื่อประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น เกิดประโยชน์โดยรวมสำหรับประเทศ และที่สำคัญประชาชนต้องได้รับวัคซีน 0.5 cc ต่อdoses ตามมาตรฐานที่กำหนด ภายใต้แนวทางปฏิบัติมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด” นพ.นพพร กล่าว