ในการประชุมวิชาการเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (Easy Asthma and COPD Clinic network annual meeting) ประจำปีงบประมาณ 2566 ณ โรงแรมอโนมาแกรนด์ กรุงเทพมหานคร มีนพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวบรรยายหัวข้อ “ความท้าทายของหลักประกันสุขภาพ เพื่อประชาชนได้เข้าถึงบริการคุณภาพอย่างถ้วนหน้า” พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ในเครือข่าย EACC เข้าร่วมงานจากทั่วประเทศ
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นำมาวิเคราะห์ วางแผนและตัดสินใจโดยจัดทำชุดข้อมูลสุขภาพ บนฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข (HDC data) สำหรับการประชุมเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (EACC) ในครั้งนี้ จึงเป็นเวทีที่เปิดโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในวงการแพทย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำไปต่อยอดพัฒนาดูแลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ผ่านกลไกในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า เล็งเห็นโมเดลความสำเร็จของเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (EACC) และที่ผ่านมาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สนับสนุนหน่วยบริการสาธารณสุขในการพัฒนาคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 มีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งมีมากกว่า 400,000 คนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผลพวงจากสถานการณ์ COVID 19 และฝุ่น PM2.5 ยิ่งส่งผลให้เกิดอาการกำเริบเฉียบพลัน และการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นความท้าทายของทุกภาคส่วนมุ่งเน้นผลลัพธ์ในการลดอัตราการป่วยและลดอัตราการตายโรคสำคัญ
รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (EACC) กล่าวว่า ปัจจุบันมีการขยายเครือข่าย EACC ในโรงพยาบาลและเครือข่ายของโรงพยาบาลกว่า 1,400 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้จัดให้มีบริการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้องรังแบบง่ายตามมาตรฐานในระดับสากล และยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายเครือข่ายต่อไป สอดคล้องกับทิศทางนโยบายการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) ของกระทรวงสาธารณสุข
“ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ต้องเผชิญแทบทุกปี, ผลจากภาวะลองโควิด ฯลฯ หลายปัจจัยรุมเร้า คลินิก EACC เล็งเห็นถึงความสำคัญของการตรวจสมรรถภาพปอดโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยและผู้เปราะบาง ควรเป็นส่วนหนึ่งของการบริการสุขภาพพื้นฐานที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ เช่นเดียวกับการวัดระดับน้ำตาล หรือการวัดความดันโลหิต สำหรับในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงนั้นควรที่จะได้รับการเข้าถึงการตรวจสมรรถภาพปอดได้ด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านหรือคลินิก EACC ใกล้บ้าน ผ่านการใช้ Peak Flow Meter ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถประเมินสภาวะหลอดลมของผู้ป่วยโรคหืดว่า มีการตีบมากน้อยเพียงใด ประเมินความรุนแรงของภาวะหอบกำเริบ ช่วยติดตามผลการรักษาและวินิจฉัยในเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ติดตามอาการ รักษาและส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งช่วยลดภาระงานของแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ผ่านเครือข่าย EACC จากทั่วประเทศได้อีกทางด้วย” รศ.นพ.วัชรากล่าวทิ้งท้าย.-