ไทยคว้าเจ้าภาพงานประชุมเบาหวานโลก “IDF World Diabetes Congress 2025” ซึ่งเป็นหนึ่งในงานประชุมนานาชาติด้านการแพทย์เกี่ยวกับโรคเบาหวานใหญ่ที่สุดในโลก ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอกย้ำศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ยกระดับการแพทย์และสาธารณสุขไทย คาดมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลกกว่า 10,000 คน ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 420 ล้านบาท
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. (Thailand Convention & Exhibition Bureau : TCEB) เปิดเผยว่า จากการที่ สสปน. ร่วมกับ สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ยื่นประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเบาหวานโลก IDF World Diabetes Congress ซึ่งเป็นหนึ่งในงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านการแพทย์เกี่ยวกับโรคเบาหวานที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาจัดที่ประเทศไทยนั้น ล่าสุดประเทศไทยประสบความสำเร็จได้รับคัดเลือกจากสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ International Diabetes Federation หรือ IDF ให้เป็นประเทศเจ้าภาพจัดงานประชุมเบาหวานโลก IDF World Diabetes Congress 2025 (IDF 2025) ในปี 2568
“ถือเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านการแพทย์ที่มีความสำคัญระดับโลก และโอกาสที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี โดยการจัดงาน IDF World Diabetes Congress 2025 (IDF 2025) จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC)”
นายจิรุตถ์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE : การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ทั่วโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา สอดรับกับพันธกิจของทีเส็บ ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาติของโลกผ่านการดึงงานที่มีศักยภาพสูงระดับโลกเข้ามาจัดในไทย การชนะประมูลสิทธิ์เจ้าภาพงานประชุมเบาหวานโลกในครั้งนี้ จึงถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของไทย สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ในการผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ซึ่งเป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคตของประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 10,000 คนจากทั่วโลก สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 420 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังคาดว่างานในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจราว 800 ล้านบาท เกิดผลประโยชน์จากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจในประเทศประมาณ 440 ล้านบาท สร้างการจ้างงานประมาณ 560 อัตรา ตลอดจนสร้างรายได้จากภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บ(โดยประมาณจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานประชุม)อีกประมาณ 27 ล้านบาท
ศาสตราจารย์อัคตาร์ ฮูสเซน ประธานสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation)กล่าวว่า งานประชุม IDF World Diabetes Congress มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าด้านงานวิจัยในการรักษาโรคเบาหวาน สร้างการรับรู้ในวงกว้างถึงความร้ายแรงของโรคเบาหวาน ตลอดจนส่งเสริมให้การป้องกันและการรักษาโรคเบาหวานเป็นหนึ่งในนโยบายด้านสาธารณสุขที่สำคัญของโลกและได้รับการจัดสรรทรัพยากรในการบริหารจัดการอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ หรือ IDF มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะนํางาน IDF World Diabetes Congress 2025 มาจัดที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยในปี 2568
“ประเทศไทยอยู่ในแถบประเทศภาคพื้นแปซิฟิก (Western Pacific) ซึ่งเป็นภูมิภาคที่พบว่ามีความชุกของโรคเบาหวานมากเป็นอันดับ 3 ของโลก การจัดงานในกรุงเทพมหานครจึงเป็นเป้าหมายที่ตอบเป้าประสงค์ของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติที่มีร่วมองค์การอนามัยโลก (WHO) ในการบริหารจัดการโรคเบาหวานเพื่อลดภาระทางด้านสาธารณสุขและต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ของโลก เชื่อว่าการประชุมเบาหวานโลกในปี 2568 จะเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาคมโลกร่วมมือกันในการผลักดันให้โรคเบาหวานเป็นวาระสำคัญของโลก”
ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ในนามเจ้าภาพการจัดงานฝ่ายไทย กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2554 องค์การสหประชาชาติมีมติให้กลุ่มโรคไม่ติดต่อซึ่งรวมโรคเบาหวานเป็นปัญหาระดับโลกจากข้อมูลที่สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation, IDF) ร่วมกับอีก 3 องค์กรได้นำเสนอ ทั้งนี้ IDF เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2493 มีสมาชิกเป็นสมาคมหรือองค์กรที่ทำงานด้านโรคเบาหวาน 240 แห่งใน 161 ประเทศ
“IDF จัดงานประชุมเบาหวานโลก (World Diabetes Congress) เป็นประจำทุกๆ 2 ปี ในประเทศที่เป็นสมาชิก โดยหมุนเวียนไปตามทวีปต่างๆ ทั่วโลก ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักโภชนาการ บุคลากรทางการแพทย์อีกหลายสาขา รวมถึง ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐบาลที่มีความเกี่ยวข้องกับการวางนโยบายด้านสาธารณสุขและระบบสุขภาพ และผู้ป่วยโรคเบาหวาน ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับเลือกให้เป็นประเทศเจ้าภาพจัด IDF World Diabetes Congress นับเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะแสดงและสร้างการรับรู้ความเด่นของบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน รวมถึงแสดงศักยภาพและความพร้อมทุกมิติในการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมด้านการแพทย์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่จะได้เผยแพร่วัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก”
นายแพทย์ ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเจ้าภาพร่วม กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนคนต่อปี ในปี 2565 พบว่า ในจำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 3.3 ล้านคน สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติร้อยละ 29 ทั้งนี้หากผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและถูกต้องตามแนวทางมาตรฐาน จะก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในหลายระบบของร่างกาย อันนำไปสู่ความพิการและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ครอบครัว สังคม ประเทศ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจ ประมาณการค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขในการรักษาโรคเบาหวาน เฉลี่ยสูงถึง 47,596 ล้านบาท ต่อปี
“กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญในการเรียนรู้โรคเบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานจัดการตนเองไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดผ่านแอปพลิเคชันสมุดสุขภาพประชาชน และการมุ่งเน้นให้ประชาชนเข้าถึงความรู้และการดูแลทางด้านจิตใจผู้ป่วย รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมโรคเบาหวานทั้งบุคคล ครัวเรือน และชุมชน
กระทรวงสาธารณสุขมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงานประชุมนานาชาติ World Diabetes Congress 2025 นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในด้านการสาธารณสุข ดังที่องค์การอนามัยโลกได้เชิญให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบนำร่องจัดกิจกรรมการทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2565 ที่ผ่านมา ยังนับว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุข รวมถึงผู้ป่วยโรคเบาหวานในไทยที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยตลอดจนวิทยาการใหม่ๆ ในการป้องกัน รักษา และควบคุมโรคเบาหวานต่อไป”
นายสุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องสาธารณสุขเป็นเรื่องสำคัญของ กทม. โดยเมื่อเร็วๆ นี้ กรุงเทพฯ ได้จัดการประชุมเชิงวิชาการ Bangkok Health Zoning ครั้งที่สอง เพื่อขยายผลบริการด้านสาธารณสุข พัฒนารูปแบบบริการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อสามารถเข้าถึงประชาชนได้เร็วขึ้น และการนำเตียงผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุข ซึ่งล้วนตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
“นอกจากนี้ กทม. ยังมีอีก 24 นโยบายที่จะทำให้ระบบสาธารณสุขเข้มแข็งขึ้น โดยมีนโยบายเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ซึ่งกทม.จัดให้อยู่ในหมวด “โรคคนเมือง” รวมอยู่ด้วย
นอกจากความพร้อมด้านการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร ยังเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่อุดมด้วยความหลากหลาย ตั้งแต่ความเป็นพหุวัฒนธรรม เชื้อชาติ อาหาร โบราณสถาณ สถาปัตยกรรมร่วมสมัย สถานที่เพื่อการจัดประชุม หอศิลปวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ และพื้นที่เอนกประสงค์อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งยังอุดมไปด้วยศิลปการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย บุคคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนมีความตื่นตัว และพร้อมต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมงานเบาหวานโลกในปี 2568 เพื่อให้ IDF World Diabetes Congress 2025 เป็นอีกการจัดประชุมนานาชาติที่จะยกระดับมาตรฐานและเป็นที่จดจำของผู้ร่วมงานทุกคน”
นายจิรุตถ์ กล่าวสรุปว่า การที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดงาน IDF 2025 ถือเป็นหนึ่งในข่าวดีที่สำคัญของทีเส็บในปีนี้ (2566) ซึ่งเป็นปีเราได้ผลักดันแคมเปญ Thailand MICE to Meet You Year 2023 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางไมซ์ระดับโลก รองรับการเดินทางทั่วโลกที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง สำหรับในปีนี้ไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับนานาชาติตลอดทั้งปี โดยคาดว่าในปีนี้จะมีนักเดินทางไมซ์ทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมประมาณ 18.5 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 109,000 ล้านบาท