"รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์" เปิดตัว MAGNETOM Altea เครื่อง MRI ล่าสุดจากซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ชูเทคโนโลยีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เพิ่มประสิทธิภาพวินิจฉัยพร้อมลดระยะเวลารอคิว รับเทรนด์สุขภาพโต

www.medi.co.th

รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ ศูนย์ตรวจเฉพาะทางด้วยเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ และ เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ เดินหน้ายกระดับการดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ด้วยการเปิดตัวเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ รุ่นล่าสุด “MAGNETOM Altea” จากซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี AI  แสดงภาพวินิจฉัยทางการแพทย์ที่มีความละเอียดสูง แม่นยำ และปลอดภัย มาพร้อมนวัตกรรมที่ช่วยลดระยะเวลาการสแกนได้เร็วขึ้นถึง 50 เปอร์เซนต์ ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสะดวกสบายและลดความวิตกกังวลขณะอยู่ในอุโมงค์ตรวจของเครื่องสแกน ตอบโจทย์โซลูชันการบริการที่ครอบคลุม ทั้งลดระยะเวลาการรอคอยคิวของผู้ป่วยที่ต้องการการตรวจวินิจฉัยที่เร่งด่วนเพื่อได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที รวมถึงแนวทางการป้องกันโรค ภายใต้แนวคิดรู้เร็วรักษาทันด้วยบริการตรวจสุขภาพ (Check-Up) สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการตรวจหาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น  โดยคาดว่าความต้องการใช้บริการเอ็ม อาร์ ไอ ในไทยจะมากขึ้น จากนโยบายการผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์โลก และเทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่มีแนวโน้มเติบโตเป็นอย่างมากในปัจจุบัน


พล.ต.ท นพ. วิฑูรย์ นิติวรางกูร ประธานบริษัท รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “เอ็ม อาร์ ไอ ถือเป็นเครื่องมือการแพทย์ที่มีบทบาทสำคัญให้แพทย์และบุคลากรสามารถวินิจฉัยอวัยวะภายในได้อย่างละเอียด ปัจจุบันบริการเอ็ม อาร์ ไอ ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในโรงเรียนแพทย์หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่เท่านั้น อีกทั้งยังอาศัยบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการแปลผล และอาจมีระยะเวลารอคิวพบแพทย์ยาวนานหลายเดือน ขณะที่ผู้ป่วยซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างเร่งด่วนกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศไทย ที่ล่าสุดปี 2566 มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นราว 140,000 คน รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ (Rachvipa MRI Center) ในฐานะศูนย์ตรวจวินิจฉัยร่างกายด้วยเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ ที่ได้การรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2008 และ JCI ในฐานะส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขไทย จึงมีบทบาทในการแบ่งเบาการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยจากสถานพยาบาลอื่น ๆ ด้วยบริการตรวจยืนยันโรคโดยเทคโนโลยีเอ็ม อาร์ ไอ ที่ทันสมัยเพื่อการวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำจากบุคลากรทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจที่ทันการพร้อมลดระยะเวลาการรอคิวพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจากหลายเดือนเป็นได้ตรวจทันที”


ล่าสุด จึงเดินหน้าตอกย้ำเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านคุณภาพในการวินิจฉัยโรคของภูมิภาคอาเซียน ด้วยการเปิดตัว MAGNETOM Altea” เครื่อง MRI รุ่นล่าสุดจากบริษัทซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วของการวินิจฉัยด้วย MRI ลดเวลาการรอคอย รองรับจำนวนผู้เข้าใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น สอดรับกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้ความสำคัญกับการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจรในระดับนานาชาติ (Medical Hub) เพื่อให้สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำพร้อมรองรับผู้ป่วยอย่างทั่วถึงในระยะเวลาการวินิจฉัยที่ลดลง


               


ด้าน นพ. ดั่งดำริ นิติวรางกูร ผู้อำนวยการศูนย์ รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ กล่าวว่า นอกเหนือจากการตรวจวินิจฉัยโรคให้แก่ผู้ป่วยแล้ว เทคโนโลยีเอ็ม อาร์ ไอ ของรัชวิภา ยังตอบโจทย์การดูแลสุขภาพและตรวจคัดกรองโรคตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ด้วยบริการ MRI Check-up ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ใส่ใจสุขภาพของตนเอง จากการเติบโตของ
เทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันก่อนเกิดโรค โดยเทคโนโลยีเอ็ม อาร์ ไอ ที่ศูนย์ฯ สามารถวินิจฉัยระบบอวัยวะภายในได้เกือบทุกส่วนในร่างกาย ทำให้สามารถตรวจพบโรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่พบได้บ่อย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งตับ ข้อเสื่อม ไปจนถึงโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ซึ่งโรคเหล่านี้มักไม่แสดงสัญญาณความผิดปกติในระยะแรก เพื่อให้สามารถรักษาอย่างตรงจุดได้ทันการก่อนพัฒนาไปยังระยะลุกลาม นอกจากนี้ จากการที่กระบวนการตรวจด้วยเอ็ม อาร์ ไอ เป็นการวินิจฉัยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ผู้สนใจจึงมาตรวจด้วยเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ รุ่น 
MAGNETOM Altea ได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องกังวลถึงปริมาณรังสีสะสม


“ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค ประกันสังคม ประกันชีวิต หรือสิทธิ์ข้าราชการ สามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวเพื่อรับการตรวจที่รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ได้ ในกรณีที่แพทย์จากโรงพยาบาลที่ใช้สิทธิ์ออกใบส่งตรวจมายังศูนย์ฯ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้บริการวินิจฉัยด้วยเอ็ม อาร์ ไอ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” นพ. ดั่งดำริ กล่าวสรุป

นายบีเยิร์น โบเด็นสไตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ซีเมนส์
เฮลท์ธิเนียร์ส ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมทางการแพทย์จากประเทศเยอรมันที่มีเป้าหมายในการบุกเบิกนวัตกรรมการดูแลสุขภาพเพื่อผู้คนทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ รุ่น 
“MAGNETOM Altea” ที่รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ โดยเครื่องรุ่นนี้ มีการผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนโฉมการบริการด้านรังสีการแพทย์ และส่งมอบการตรวจวินิจฉัยความแม่นยำสูงที่รวดเร็ว พร้อมเพิ่มความพึงพอใจของผู้รับการสแกนจากเทคโนโลยีที่ออกแบบโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง จุดเด่นของเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ รุ่น MAGNETOM Altea ประกอบไปด้วย


·        ความแม่นยำของเทคโนโลยี AIมีการใช้เทคโนโลยี BioMatrix และเทคโนโลยีอินเตอร์เฟซ Select&GO ปรับการสแกนตามกายวิภาคของผู้รับการสแกนอย่างอัตโนมัติ นอกจากนี้เครื่องรุ่นดังกล่าวยังมาพร้อม Tim 4G และ Dot ซอฟต์แวร์ที่ช่วยสร้างความคงที่ในมาตรฐานการสแกน พร้อมเพิ่มจำนวนรอบการสแกน ทำให้ได้ภาพทางการแพทย์คุณภาพสูง ลดความซับซ้อนในกระบวนการสแกน พร้อมลดความจำเป็นในการสแกนซ้ำได้


·        ความรวดเร็วด้วยนวัตกรรม Turbo Suite ที่ประกอบด้วยแอปพลิเคชันกระชับระยะเวลาการสแกนและกระบวนการต่าง ๆ จะทำให้ลดเวลาสแกนได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ รุ่นทั่วไป โดยได้ภาพการสแกนคุณภาพและรายละเอียดสูงตามเดิม


·     ความสะดวกสบายสำหรับผู้รับการสแกน: ด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นหลัก อย่างการลดความวิตกกังวลและความอึดอัดขณะทำการสแกนด้วยดีไซน์อุโมงค์เครื่องตรวจขนาดกว้าง 70 เซนติเมตร และสั้นเพียง 157 เซนติเมตร พร้อมระบบการทำงานที่เงียบลดเสียงรบกวน นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ยังทำให้ผู้รับการสแกนไม่ต้องกลั้นหายใจเป็นระยะเวลานาน เทียบกับเครื่องรุ่นก่อน


“เอ็ม อาร์ ไอ รุ่นนี้ ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพการสแกนที่น่าพึงพอใจและระยะเวลาการสแกนที่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ลดข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยและผู้เข้ารับการวินิจฉัยสามารถใช้บริการตรวจด้วยเครื่องเอ็ม อาร์ ไอ ได้มากยิ่งขึ้น และด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส เชื่อมั่นว่า MAGNETOM Altea จะเสริมประสิทธิภาพการทำงานแก่บุคลากร และอำนวยความสะดวกให้ผู้รับการวินิจฉัยที่รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ ตลอดจนบุกเบิกการเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์สำหรับทุกคน อันเป็นความมุ่งมั่นในการดำเนินงานสูงสุดของเราเสมอมา”    นายบีเยิร์น กล่าวสรุป