กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ร่วมกับกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.4 บก.ปคบ.) บุกทลายคลินิกเสริมความงามเถื่อน ในคอนโดมิเนียม ย่านพัฒนาการ พบชาวต่างชาติมากระทำการเป็นหมอเถื่อนลักลอบให้บริการเสริมความงาม สั่งฟันโทษ 7 กระทง พร้อมผลักดันกลับประเทศทันที
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า เมื่อตนได้รับข้อมูลการเฝ้าระวังโฆษณาสถานพยาบาล โดยศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี กรม สบส. ว่าพบการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลของคลินิก “DT” ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคลินิกเถื่อนที่ดำเนินการโดยชาวต่างประเทศ ตนจึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ กองกฎหมาย ตรวจสอบข้อมูลการโฆษณาของสถานพยาบาลดังกล่าว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมสืบสวนและดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ คลินิก “DT” ซึ่งตั้งอยู่ ชั้น 2 ของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง บริเวณซอยพัฒนาการ 25 เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ซึ่งระหว่างการเข้าตรวจสอบสถานที่พบนายเหงียน ดัง เทียน สัญชาติเวียดนาม กำลังให้บริการทำหัตถการเสริมความงามแก่ผู้รับบริการ พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงแสดงตัวและขอตรวจสอบเอกสารหลักฐานการประกอบกิจการสถานพยาบาล และประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งนายเหงียน ดัง เทียน ไม่สามารถแสดงเอกสารได้ พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงทำการสอบถ้อยคำเพิ่มเติมจากนาย เหงียน ดัง เทียน และผู้รับบริการ และพบว่านายเหงียน ดัง เทียน มีการโพสต์ข้อความภาษาเวียดนาม และภาพการให้บริการเสริมความงามผ่านเฟสบุ๊ก (Facebook) Nguyen Dang Thien เพื่อเชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวเวียดนามเข้ามารับบริการหัตถการเสริมความงาม อาทิ การฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท๊อก กับคลินิก “DT” พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงแจ้งข้อหาการะทำผิด ในเบื้องต้น 7 ข้อหา กับนายเหงียน ดัง เทียน ได้แก่
1.ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต
2.ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต
3.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต
4.จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต
5.จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา
6.เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ
7.เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
ก่อนจะนำตัวผู้กระทำผิดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี และส่งต่อให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการผลักดันกลับประเทศต่อไป
นายแพทย์สุระฯ อธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า กรม สบส.ขอเน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนรับบริการทางการแพทย์ทุกชนิดจากสถานพยาบาล อย่าด่วนตัดสินใจรับบริการเพียงเพราะคำบอกเล่าปากต่อปากว่าดี ภาพโฆษณาที่สวยงาม หรือราคาที่ถูกกว่าแห่งอื่น หากเป็นการรับบริการครั้งแรกขอให้ลงไปตรวจสอบสถานที่จริงด้วยตนเอง พร้อมกับตรวจสอบชื่อคลินิกจากเว็บไซต์กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรม สบส. (https://mrd.hss.moph.go.th) และตรวจสอบชื่อแพทย์จากเว็บไซต์แพทยสภา (https://www.tmc.or.th) เพื่อความปลอดภัย หากไม่พบรายชื่อห้ามรับบริการ โดยเด็ดขาด พร้อมแจ้งเบาะแสมาที่กรม สบส.ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 หรือหากอยู่ในส่วนถูมิภาคก็ขอให้แจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ
20 ธันวาคม 2566