“ชลน่าน” หารือเอกอัครราชทูตจีน เพิ่มความร่วมมือ สธ. 3 ด้านรองรับท่องเที่ยว พร้อมจับคู่ รพ.ไทย-จีน

www.medi.co.th

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หารือเอกอัครราชทูตจีน ขยายความร่วมมือด้านสาธารณสุข หลังเคย MOU 10 สาขา ยกร่างบันทึกความเข้าใจ เพิ่มเติมประเด็นจับคู่โรงพยาบาลไทย-จีน พัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลด้านดิจิทัล พร้อมเพิ่มความร่วมมือ 3 ด้าน ทั้งอาชีวเวชศาสตร์ การแพทย์ดั้งเดิม และ Travel Medicine รองรับการท่องเที่ยว โดยจีนเชิญเยือนประเทศเพื่อร่วมลงนามอย่างเป็นทางการ


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตนได้หารือกับนายหาน จื้อเจียง เอกอัครราชทูตสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความสำเร็จในการดำเนินความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับจีน และแนวทางความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับจีนในอนาคต หลังจากที่นายหาน จื้อเจียงได้เดินทางมาคารวะและแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขไทยและจีน มีความร่วมมือทำ MOU ทั้งหมด 10 สาขา ได้แก่ สาขาการป้องกันโรคติดต่อและโรคระบาด โรคไม่ติดต่อ การแพทย์พื้นบ้าน การพัฒนายาและสมุนไพร อนามัยแม่และเด็ก การแพทย์ผู้สูงอายุ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นวัตกรรมการแพทย์ การบริหารจัดการทางการแพทย์ การวิจัยทางการแพทย์ การส่งเสริมป้องกันสุขภาพ และระบบสุขภาพโลก ซึ่งฝ่ายไทยและฝ่ายจีนได้ยกร่างบันทึกความเข้าใจฯ ที่ได้เห็นชอบร่วมกัน โดยเพิ่มเติมประเด็น Hospital Management จับคู่ในรูปแบบโรงพยาบาลพี่น้อง (Sister Hospital) ระหว่างโรงพยาบาลของไทยกับจีน ในการร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพของโรงพยาบาลด้านดิจิทัล


นอกจากนี้ ยังหารือความร่วมมือเพิ่มเติมอีก 3 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านอาชีวเวชศาสตร์ เกี่ยวกับแนวทางการตรวจสุขภาพแรงงานไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน และการแลกเปลี่ยนแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์ พยาบาล และวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูล สื่อการเรียนรู้ เอกสารทางวิชาการ 2.ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ดั้งเดิม โดยจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลวิชาการ ทั้งทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนจีน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโรคอุบัติใหม่ การวิจัยโรคที่เป็นปัญหาร่วมกัน การพัฒนาบุคลากร การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ และการพัฒนามาตรฐานยาจากสมุนไพรและการแพทย์ดั้งเดิมอย่างครบวงจร


และ 3.ด้านการป้องกันควบคุมโรค เน้นการการส่งเสริมความความร่วมมือด้าน Travel Medicine ระหว่าง ไทย - จีน เนื่องจากประชาชนของทั้งสองประเทศเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันจำนวนมาก โดยในปี 2566 คาดการณ์มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประมาณ 5 ล้านคน และความร่วมมือด้านวัคซีน โดยองค์การเภสัชกรรม ได้พัฒนาความร่วมมือกับบริษัท CSPC Pharmaceutical Group Ltd. ซึ่งผลิต mRNA covid vaccine และหารือเรื่องการพัฒนาบุคลากรและถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมการผลิตวัคซีนในระยะยาว ซึ่งนาย หาน จื้อเฉียง ได้ขอเชิญตนไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อลงนาม MOU อย่างเป็นทางการต่อไป