ม.มหิดลสนองรับแนวคิด‘ยุติการเชื่อมต่อ’เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล

www.medi.co.th

ในโลกไร้พรมแดน ไม่ได้หมายถึงเสรีภาพที่ไร้ขอบเขตในการ เข้าถึงทุกข้อมูล แต่คือ เสรีภาพในการเรียนรู้บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเรียนรู้ที่จะ เคารพสิทธิผู้อื่น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน  


อาจารย์ ดร.คม วงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหนึ่งในคณะทำงานผลักดันวิทยาลัยฯ สู่ความยั่งยืน (Sustainability) ตามยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์โลก มองว่าโลกจะยั่งยืนได้ด้วยการ เคารพสิทธิของความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนควรตระหนัก โดยหน้าที่ของทุกคนคือการช่วยกันทำให้โลกนี้น่าอยู่อย่างยั่งยืน


โดย อาจารย์ ดร.คม วงษ์สวัสดิ์ ได้เป็นผู้ริเริ่มเสนอแนวคิดที่จะหลีกเลี่ยงการติดต่อสื่อสารภายในองค์กรโดยไม่ได้คำนึงถึงเงื่อนไขของเวลา 


“คงไม่มีผู้ใดจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี จากการมีสุขภาพกายและใจที่ดีต่อไปได้ หากยังคงต้องโดนรบกวนติดต่องานในยามค่ำคืน ซึ่งเป็นเวลาพักผ่อนส่วนตัวอยู่เป็นประจำ และจะต้องเสี่ยงต่อไปอีกเพียงใดจากการแชร์ข้อมูลโดยไม่รัดกุม และขาดสำนึกรับผิดชอบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น” อาจารย์ ดร.คม วงษ์สวัสดิ์ กล่าว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.โษฑศ์รัตต ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำกลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีการจัดการระบบสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้สอนหลักในรายวิชาออนไลน์ หลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับนักศึกษาและบุคลากร มหาวิทยาลัยมหิดล ทาง MUx - Mahidol University Extension ซึ่งนับเป็นด่านแรกที่สำคัญในการเตรียมพร้อมนักศึกษา และบุคลากร มหาวิทยาลัยมหิดล สู่การเป็น พลเมืองโลกคุณภาพ


โดยได้กล่าวสนับสนุนว่า มหาวิทยาลัยมหิดลไม่เคยนิ่งนอนใจในการดำเนินการให้ความรู้และรณรงค์เรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตาม "...คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.. 2562 (Personal Data Protection Act: PDPA)" ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565


ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีการดำเนินการจัดอบรมเรื่อง PDPA ให้กับนักศึกษา และบุคลากรทั้งเก่าและใหม่ของมหาวิทยาลัยมหิดล อย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับแนวคิด ยุติการเชื่อมต่อ เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการเคารพความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นนิมิตรหมายที่ดีต่อสังคมไทยต่อไปในอนาคต


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.โษฑศ์รัตต ธรรมบุษดี ได้แสดงทรรศนะถึงการวางหลักการติดต่อสื่อสารที่แยกส่วนกันระหว่างเวลาการทำงาน และชีวิตในเวลาส่วนตัว โดยมีแนวคิดในด้านการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของนายจ้างนอกเวลางาน หรือกิจกรรมที่ไม่ใช่ประโยชน์อันชอบธรรมของนายจ้าง ความเป็นส่วนตัวในการติดต่อนอกเวลาทำงาน การตรวจสอบ และการเฝ้าระวังในช่วงเวลาที่ถูกต้อง และความชัดเจนของนโยบาย และกฏระเบียบขององค์กร


การยุติการเชื่อมต่อจึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการปรับปรุงความสมดุลในชีวิต และการลดความเครียดเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในด้านการปฏิบัติตามกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของพนักงานด้วย


อาจารย์ ดร.คม วงษ์สวัสดิ์ มองว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง และมหาวิทยาลัยมหิดลมีซอฟต์แวร์ (Software) พื้นฐานอยู่แล้วที่จะสามารถนำไปประยุกต์เพื่อใช้ในการดังกล่าว ซึ่งหากสามารถผลักดันให้ดำเนินการต่อไปได้จริง คาดว่าต่อไป มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมเป็น มหาวิทยาลัยต้นแบบ ที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดลได้เทียบเท่า พลเมืองโลก


โดย ฟังก์ชันที่ควรมี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว นอกจากองค์ประกอบเพิ่มเติมที่จะสามารถแสดงเงื่อนไขเวลาในการติดต่อสื่อสารที่ชัดเจนแล้ว จะต้องมี ระบบการติดตาม ซึ่งจะมาจากข้อตกลงร่วมกันระหว่าง นายจ้าง และ ลูกจ้าง ต่อไปอีกด้วย


นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเตือนทิ้งท้ายถึงความสำคัญของการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลว่า หากใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ด้วยความไม่ตระหนักอาจกลายเป็น “Digital Footprint" ให้ อาชญากรไซเบอร์ ติดตาม


ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th


สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ)


งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210