แพทย์แนะดูแลตนเองป้องกันโรคหลอดลมอักเสบ

กรมการแพทย์

กรมการแพทย์โดยสถาบันโรคทรวงอก แนะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือสูดดมควัน กลิ่นฉุน สารเคมี ฝุ่น และสารระคายเคืองต่างๆที่จะก่อให้เกิดผลร้ายนำไปสู่โรคหลอดลมอักเสบ

          นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์เปิดเผยว่าโรคหลอดลมอักเสบคือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเกิดจากการติดเชื้อที่หลอดลมทำให้เยื่อบุผิวภายในหลอดลมมีการอักเสบและบวมมีเสมหะในหลอดลมอุดกั้น ทำให้ช่องทางเดินหลอดลมแคบลง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการไอ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด และอาจมีอาการเป็นไข้หวัดเจ็บคอ แสบคอ ในบางรายอาจมีไข้ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวได้แน่นหน้าอก หายใจหอบเหนื่อยร่วมด้วยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสได้แก่ ไวรัสไข้หวัดและไวรัสไข้หวัดใหญ่บางรายอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไมโคพลาสมา (Mycoplasma)หรือคลาไมเดีย (Chlamydia)นอกจากนี้อีกปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคที่พบได้บ่อย คือ การสูบบุหรี่ หรือต้องอยู่ร่วมกับผู้สูบบุหรี่บ่อยๆ รวมถึงการพบเจอมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น ก๊าซพิษ สารเคมีต่างๆ ในชีวิตประจำวันเป็นเวลานาน
          นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าโรคหลอดลมอักเสบติดต่อผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ โดยการหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในละอองฝอยกระจายอยู่ในอากาศ จากการไอหรือหายใจรดกัน ซึ่งระยะการแพร่กระจายเชื้อสามารถแพร่ได้ก่อนเกิดอาการหรือหลังเกิดอาการแล้ว โรคหลอดลมอักเสบแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
          1.โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน(Acute Bronchitis)เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัยส่วนใหญ่ผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเกิดจากเชื้อไวรัสเหมือนไข้หวัดมักเกิดเมื่อมีการติดเชื้อในทางเดินหายใจไล่ลงไปจนถึงหลอดลม เกิดการอักเสบอาการบวมของเยื่อ เมือก ที่บุทางเดินหายใจระคายเคือง อาการของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 3 สัปดาห์ มักมีอาการไอ มีเสมหะเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ อาจเป็นหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเมื่อผู้ป่วยมีการอักเสบของโพรงจมูกหรือเป็นหวัด ดังนั้นผู้ป่วยควรรับการรักษาหรือ
ปฏิบัติตนให้ถูกต้องเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหลอดลมอักเสบ
         2.โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic Bronchitis)ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจาก ทางเดินหายใจที่ได้รับสารระคายเคืองอย่างเรื้อรัง เช่น การสูบบุหรี่ต่อเนื่อง นับเป็นส่วนหนึ่งของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังทำให้ร่างกายสร้างสารออกมาเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ ส่งผลให้มีเสลดเสมหะที่เหนียวข้นและกำจัดออกยากหลอดลมเกิดการอุดตันหรือการบวมซึ่งช่องทางเดินอากาศในหลอดลมที่ตีบแคบลงทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังได้ด้วย อาการของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังผู้ป่วยมักไอเรื้อรังต่อเนื่องตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 1 ปี หรือ 2 ปี มีภาวะหายใจลำบาก เมื่อตรวจร่างกายอาจมีเสียงวี้ด มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจมีอาการหลอดลมอักเสบแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
         วิธีป้องกันการเกิดโรคหลอดลมอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีอากาศเย็นและแห้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรงไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโรคทางเดินหายใจ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูดดมควัน กลิ่นฉุน สารเคมี ฝุ่น และสารระคายเคืองต่างๆควรดูแลร่างกายให้มีความแข็งแรง ด้วยการหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ เช่น วิ่ง เดินเร็ว หรือว่ายน้ำ เป็นต้นพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ รักษาอนามัยพื้นฐานด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด และฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง นอกจากนี้หากพบว่าตนเองมีอาการรุนแรงมาก ไอเรื้อรังไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ หรือไอเป็นเลือดร่วมด้วย  มีไข้ ไอมาก หอบเหนื่อย จนรบกวนการรับประทานอาหาร หรือการนอนหลับ ให้มาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยรักษาโรคได้อย่างถูกต้อง ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจนก่อให้เกิดปอดอักเสบ นำไปสู่การพัฒนาให้เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังด้วย