อินเตอร์ ฟาร์มา เปิดเกมส์บุก เผยแผน 5 ปีนี้ อัดงบอย่างต่ำ 1,500 ล้านบาท สู่การเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์สุขภาพแบบครบวงจร ทั้งของคนและสัตว์ ลุยสินค้าใหม่ๆ กว่า 100 รายการ พร้อมดันร้านขายยา LAB Pharmacy และโรงพยาบาลนครพัฒน์เข้าตลาด มั่นใจในปี 2571 รายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาท
ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อินเตอร์ ฟาร์มา ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 11 ปัจจุบันดำเนินธุรกิจภายใต้ 6 กลุ่มธุรกิจ ซึ่ง 4 กลุ่มแรกเป็นพวกผลิตภัณฑ์ยา หรือกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ คือ 1.เวชภัณฑ์รักษาโรค โดยมีตำหรับยากว่า 100 รายการ และมีวางขายอยู่ 16 แบรนด์ ทำรายได้ 30%, 2.นูทาซูติคอล หรือ โภชนะเภสัช หรือกลุ่มอาหารเสริมกึ่งยา มีอยู่ 24 รายการ ทำรายได้ 25% และคอสมาซูติคอล หรือเวชสำอาง มีอยู่ 4 รายการ ทำรายได้ 5% 3.เวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง กว่า 100 รายการ ทำรายได้ 25% และ 4.ไลฟ์สต็อก หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับปศุสัตว์ กว่า 20 รายการ ทำรายได้ 10% และอีก 2 ธุรกิจใหญ่ ที่ถือเป็นธุรกิจปลายน้ำ คือ 1.ร้านขายยา LAB Pharmacy รายได้ปีก่อนประมาณ 590 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้า 789 ล้านบาท และโรงพยาบาลนครพัฒน์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รายได้ปีก่อนประมาณ 185 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท
สำหรับแผนธุรกิจ 5 ปี (2567-2571) อินเตอร์ ฟาร์มา ต้องการเป็นผู้นำสุขภาพครบวงจรทั้งของคนและสัตว์ ภายใต้ธุรกิจต้นน้ำ กับผลิตภัณฑ์ยาที่ผลิตจาก 2 โรงงานของตัวเองที่เทคโอเวอร์มา ซึ่งมีอายุมากกว่า 30 ปี และธุรกิจปลายน้ำ คือ ร้านขายยา LAB Pharmacy ที่เปิดมาแล้วหลายปี และโรงพยาบาลนครพัฒน์ที่เทคโอเวอร์มาเช่นกัน โดยในกลุ่มยา 5 ปีนับจากนี้จะมีออกใหม่อีกร่วม 100 รายการ ภายใต้จุดเด่นของบริษัท คือ เรื่องของไบโอติก และเทรนด์เกี่ยวกับสุขภาพ ชะลอวัย เช่น เวชภัณฑ์เกี่ยวกับตา รวมถึงสินค้าคอนซูเมอร์ที่เป็นเวชสำอาง หรือเครื่องดื่มอาหารเสริม เป็นต้น ส่วนร้านขายยา และโรงพยาบาล จะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ สู่แผนการเติบโตในอนาคต
อย่างไรก็ตามตลอด 5 ปีนี้ คาดว่าจะใช้งบลงทุนอย่างน้อย 1,500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 1 กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา 500 ล้านบาท 2. ร้านขายยา LAB Pharmacy 3 ปีนี้จะใช้งบ 150 ล้านบาท สำหรับขยายสาขา โดยปีนี้จะเพิ่มอีก 10 สาขา จาก 32 สาขา สู่ 42 สาขาในสิ้นปี และใน 3 ปีจะเปิดให้ได้ 70 สาขา ซึ่งในปี 2568 มีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ด้วยชื่อ LAB Pharmacy เพื่อระดมทุนในการขยายสาขา และแผนช่องทางขายออนไลน์ และขายส่ง เนื่องจากมองว่าเทรนด์ในอนาคตของคนรักสุขภาพ เมื่อไม่สบายสุดท้ายปลายน้ำจะมี 2 ทางเลือก คือ ซื้อยาทานเองจากร้านขายยา และไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา 3. โรงพยาบาลนครพัฒน์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปี 2569 จะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน เพื่อระดมทุนสำหรับสร้างตึกเพิ่มเติม (หรือถัดจากที่ LAB Pharmacy เข้าตลาดแล้ว) โดยทั้ง 2 ธุรกิจนี้ ใน 5 ปีนี้คาดว่าจะใช้งบหรือต้องการระดมทุนราว 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2571 มั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้สูงถึง 5,000 ล้านบาท
ดร.ตฤณวรรธน์ กล่าว
ดร.ตฤณวรรธน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทยังคงใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์มาร์เก็ตติ้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโตประมาณ 30-40% และสร้างการรับรู้ในวงกว้างและตรงกลุ่มเป้าหมายรวดเร็วมากขึ้น โดยปีนี้ได้ 3 ซุปตาร์ตัวแม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ คือ 1.อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ เบลลา พารา (Bella Para) ยาลดไข้บรรเทาอาหารปวด ทั้ง 7 ได้แก่ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดฟัน ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน ปวดเมื่อยจากไข้หวัด 2.คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส เป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสีฟันยู (YUUU) ยาสีฟันโปรไบโอติก โฮลิสติก ออรัล แคร์ และ3.ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล เป็นพรีเซ็นเตอร์ โปรแบค 7 ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก ที่มียอดขายสูงสุดในโรงพยาบาลและร้านขายยา ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เป็นผลจากบริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น Probac BL สูตรสำหรับโรคภูมิแพ้ Probac Fit สูตรสำหรับลดไขมันช่องท้อง Probac MOOD สูตรทำให้อารมณ์ดี ความจำดี หลับง่าย หลับลึก Probac Ultra Collagen สูตรลดริ้วรอย หน้ากระจ่างใส เป็นต้น ทั้งนี้หากเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ คาดว่าผลประกอบการปี 2567 บริษัทน่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท เติบโต 25%
“ทั้งนี้อินเตอร์ ฟาร์มา สร้างการเติบโต โดยใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับไฟเซอร์ เน้นการเทคโอเวอร์ธุรกิจใหญ่ที่ดำเนินการมาก่อนเข้ามาในเครือจึงทำให้เติบโตได้รวดเร็ว ทั้งนี้การที่บริษัทต้องการเป็นผู้นำสุขภาพแบบครบวงจร จึงยังคงมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่ยังขาดอยู่มาเสริมพอร์ต เช่น กลุ่มชะลอวัย หรือเรื่องของกายภาพบำบัด เป็นต้น“ ดร.ตฤณวรรธน์ กล่าวทิ้งท้าย