รพ.วิมุต เปิดศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า ดูแลครบทั้งสุขภาพและความงาม ลุยตลาดศัลยกรรม-ความงามเมืองไทยมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท

โรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ จับดีมานด์ศัลยกรรม-ความงามที่พุ่งไม่หยุด ลุยเปิดศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า (Maxillofacial Contouring Center) พร้อมเดินหน้าเป็นผู้นำบริการเฮลท์แคร์แบบองค์รวมที่ดูแลครบทั้งสุขภาพและความงาม ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพยุคใหม่ในไทยและทั่วโลกที่ต้องดูแลครบทั้งภายในและเสริมความมั่นใจด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามเพื่อยกระดับชีวิตรอบด้าน เผยคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความสวยทันใจ สะท้อนผ่านการเติบโตของธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามที่กำลังเป็นที่นิยม รวมถึงในประเทศไทย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินมูลค่าธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยปี 2566 อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3 – 3.6% นอกจากนี้ อายุเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมในไทยยังน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ฐานลูกค้ากว้างขึ้นและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยปัจจุบัน นอกจากกลุ่มผู้หญิง Gen Y และ LGBTQIA+ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของวงการแล้ว พบว่ากลุ่ม Gen Z และผู้ชายก็หันมาพิจารณาการทำศัลยกรรมเพื่อกำหนดรูปลักษณ์ของตนเองมากขึ้น โดย รพ. วิมุต ชี้ว่าผู้ทำศัลยกรรม ยังคงไว้วางใจโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางเป็นอันดับแรกเมื่อพิจารณาและต้องการทำศัลยกรรม เนื่องจากเชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัย เทคโนโลยี และการดูแลเหนือระดับ ด้วยเหตุนี้ รพ. วิมุต จึงเปิดศัลยกรรมปรับโครงหน้า เพื่อเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าและเสริมความมั่นใจโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ชูจุดแข็งความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกร รวมถึงด้านศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล พร้อมดูแลการแก้ไขหลายปัญหาด้านโครงหน้าและฟันได้ในครั้งเดียวอย่างตรงจุด รพ. วิมุต พร้อมปักหมุดร่วมดันไทยสู่ฮับด้านความงามอันดับต้น ๆ ของเอเชีย


นางสาวสุรวีย์ ชัยธำรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาล วิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “รพ. วิมุต มุ่งมั่นสร้างแพลตฟอร์มเฮลท์แคร์แบบองค์รวมที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมทุกมิติด้านการดูแลสุขภาพของผู้ใช้บริการด้วยศูนย์เฉพาะทางต่างๆ ภายใต้การดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการในหลายสาขาเพื่อมอบบริการอย่างไร้รอยต่อ การเปิดศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้าในครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดจากเรื่องสุขภาพภายในสู่ความงามภายนอก เพื่อมุ่งสู่การดูแลที่ครบทั้งสุขภาพและความงามอย่างสมบูรณ์ ปัจจุบัน เราเล็งเห็นว่าคนรุ่นใหม่ต่างให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความงามมากขึ้นและ รพ. วิมุต พร้อมตอบโจทย์เทรนด์การกำหนดและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเองด้วยศูนย์ฯ ของเรา เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน ‘ประเทศไทย’ ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการทำศัลยกรรมตกแต่งและการเสริมความงาม โดย World Travel & Tourism Council (WTTC) ได้ระบุว่าไทยติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศที่มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มากที่สุดในโลกในปี 2019 และยังพบว่า 60% ของนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทย เข้ามาเยือนประเทศเราเพราะต้องการใช้บริการทางการแพทย์เพื่อความงาม โดยจุดแข็งของศัลยกรรมในเมืองไทยคือ ค่าบริการที่เข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานโลก”


“รพ. วิมุต เข้าใจว่าผู้รับบริการจะคำนึงถึงหลากหลายปัจจัยก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมปรับโครงหน้า และหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ให้บริการ โดยแบบสำรวจ SCB EIC Health & Wellness 2023 เผยว่าผู้เข้ารับบริการศัลยกรรมส่วนใหญ่ เลือกโรงพยาบาลเอกชน เป็นอันดับหนึ่งจากสถานบริการศัลยกรรมทุกประเภท ด้วยเหตุผลเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและอุปกรณ์ทันสมัย ที่ รพ.วิมุต เรามีแพทย์ที่มีความชำนาญด้วยคุณวุฒิ 2 สาขา ทั้งศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล และการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกร เพื่อช่วยปรับแก้โครงหน้าและฟันได้ในครั้งเดียว เรามั่นใจว่าศูนย์ใหม่จะมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก สอดรับกับดีมานด์ด้านศัลยกรรมปรับโครงกระดูกหน้า (Facial Bone Contouring) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและมีโอกาสเติบโตอย่างยอดเยี่ยม” นางสาวสุรวีย์ ชัยธำรงกูล กล่าวเสริม

ผศ.ดร.นพ.ทพ.ชาญชาย วงศ์ชื่นสุนทร ศัลยแพทย์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกร ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า รพ. วิมุต เผยว่า “ตลาดศัลยกรรมปรับโครงหน้าในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มอายุตั้งแต่ 20 – 45 ปี หันมาให้ความสนใจศัลยกรรมตกแต่งกันมากขึ้น ซึ่งทิศทางนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ยังแพร่หลายไปทั่วโลก โดยบ่อยครั้งความโดดเด่นของใบหน้าขึ้นอยู่กับโครงหน้าที่ได้สัดส่วน และส่วนของกระดูกโครงหน้าที่ถือเป็นจุดเด่น ได้แก่ โหนกแก้ม กราม คาง โหนกคิ้ว และขากรรไกร ดังนั้นผู้มีความผิดปกติของโครงหน้าหรือโครงหน้าไม่ได้สัดส่วน สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางแก้ไขผ่านการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกรได้”


“ในยุคของโซเชียลมีเดีย ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์มีความสำคัญมากกว่าแต่ก่อน และการเสริมความงามไม่ใช่เรื่องของเพศใดเพศหนึ่งแล้ว จากแบบสำรวจ SCB EIC Health & Wellness 2023 พบว่า นอกจากผู้หญิงและ LGBTQIA+ จะเป็นฐานลูกค้าสำคัญของธุรกิจด้านความงามแล้ว ผู้ชายเองก็มีแนวโน้มสนใจและมีความคิดเชิงบวกเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมในอนาคตมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังพบว่าคนอายุน้อยอย่าง Gen Z ก็พร้อมลงทุนกับการศัลยกรรมเช่นกัน ด้วยสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันที่มีทัศนคติเปิดรับการปรับแก้ไขรูปลักษณ์เพื่อให้ตนเองได้เปลี่ยนหน้าตาในแบบที่ตนเองต้องการ ฐานผู้ใช้บริการศัลยกรรมจึงกว้างมากขึ้นและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของศัลยกรรมปรับโครงหน้า บางครั้งไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมการแก้ไขข้อบกพร่องที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ปากแหว่ง ความผิดปกติจากอุบัติเหตุหรือโรคบางชนิด ความผิดปกติของขากรรไกรที่ทำให้ฟันไม่สบกันจนกระทบการบดเคี้ยวอาหาร เป็นต้น โดยศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า (Maxillofacial Contouring Center) ที่ รพ. วิมุต มีความพร้อมในการดูแลตั้งแต่การเข้ามาปรึกษา จนถึงกระบวนการการผ่าตัด เรามีทั้งแพทย์ผู้ชำนาญการและทีมงานพร้อมดูแลให้คนไข้ได้รับการรักษาที่ปลอดภัยอย่างใสใจ และมอบการรักษาในราคาที่สมเหตุสมผล ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ครบครัน รองรับทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ” ผศ.ดร.นพ.ทพ.ชาญชาย วงศ์ชื่นสุนทร เน้นย้ำ


นายปริญรัตติ์ พิพัชร์นันท์ หรือซินดี้ ผู้เข้ารับบริการศัลยกรรมปรับโครงหน้าที่โรงพยาบาลวิมุต เผยว่า “การตัดสินใจรับการผ่าตัดปรับโครงหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ต้องคำนึงถึงความพร้อมของร่างกายและจิตใจเราเองและปัจจัยอีกมากมาย ซึ่งรู้สึกโชคดีมากที่เลือกผ่าตัดกับคุณหมอชาญชาย ที่โรงพยาบาลวิมุต ก่อนผ่าตัดมีการพูดคุยปรึกษากับคุณหมออย่างต่อเนื่องจนเรารู้สึกมั่นใจจริง ๆ จนได้เข้าผ่าตัดใหญ่ ปรับโครงหน้าถึง 5 จุด ได้แก่ ขากรรไกรบนและล่าง คาง ยุบโหนกแก้ม และตัดกราม ผลลัพธ์เป็นที่พอใจมาก ขั้นตอนการผ่าตัดและพักฟื้นเป็นไปอย่างราบรื่น ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่โรงพยาบาลด้วย ตอนนี้ใบหน้ากำลังเริ่มเข้าที่ เห็นแล้วว่าเราสวยขึ้น ดูอ่อนหวาน และสมส่วนน่ามองมากขึ้น ทำให้เรามั่นใจ เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และมีความสุขทุกครั้งที่ได้มองตัวเองและออกไปเจอคนข้างนอก พอใจมาก ๆ กับการตัดสินใจในครั้งนี้”