ทดลองวัคซีนของ Maderna ป้องกัน COVID ได้ 94.5%

HealthDay News and Agencies

Moderna Inc. ประกาศการทดลองทางคลินิกวัคซีนไวรัสโคโรนาให้ประสิทธิผลป้องกันติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 94.5

          คณะผู้วิจัยวัคซีนกล่าวว่า การทดลองให้ผลดีกว่าที่หวังไว้อย่างมาก  Moderna กล่าวในแถลงข่าวคาดว่าจะมีวัคซีนประมาณ 20 ล้านหน่วยพร้อมส่งในสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปีนี้ และจะเดินหน้าผลิตอีก 500 ล้านถึง 1 พันล้านหน่วยส่งไปทั่วโลกในปี 2021
          Moderna เป็นบริษัทลำดับที่สองในสหรัฐอเมริกาที่เผยแพร่ข้อมูลเบื้องต้นของผลการทดลองวัคซีน COVID-19 ต่อจาก Pfizer กับ BioNTech ซึ่งแถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าวัคซีนที่ Pfizer กับ BioNTech ร่วมกันพัฒนาให้ประสิทธิผลมากกว่าร้อยละ 90
          คณะกรรมการตรวจติดตามอิสระซึ่ง U.S. National Institutes of Health แต่งตั้งขึ้น เป็นผู้วิเคราะห์ผลวัคซีนดังกล่าว  
Moderna เป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ได้พัฒนาวัคซีนโดยร่วมมือกับนักวิจัยจาก Vaccine Research Center ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ U.S. National Institute of Allergy and Infectious Diseases
          Dr. Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันดังกล่าว กล่าวกับ Times ว่า ได้พูดมาตลอดว่า ตนพอใจกับวัคซีนที่ได้ผลร้อยละ 75  แต่ร้อยละ 94.5 ถือว่าน่าทึ่งมาก
         ทั้ง Pfizer และ Moderna ประกาศผลการทดลองในระยะแรก โดยยังไม่ได้เผยแพร่รายงานในวารสารวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการรีวิวงานวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญ และทั้งสองบริษัทยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินผล Times ระบุ
         แต่ละบริษัทได้ใช้วัสดุพันธุกรรมไวรัสโคโรนาจากการสังเคราะห์ที่เรียกว่า messenger RNA (mRNA) ในการโปรแกรมให้เซลล์ของมนุษย์ทำสำเนาส่วนสำคัญของไวรัส ซึ่งจะไปปลุกระบบภูมิคุ้มกันและกระตุ้นให้โจมตีถ้าไวรัสตัวจริงปรากฏตัวออกมา
         “วัคซีนที่ทั้งสองบริษัททำออกมามีความแตกต่างกันในชนิดของโครงสร้าง ตามแนวความคิดใหม่ของ mRNA การที่วัคซีนทั้งสองทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมาก ได้ยืนยันแนวความคิดของ mRNA ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ และไม่เพียงจะใช้กับ COVID เท่านั้น แต่สำหรับการคุกคามจากโรคติดต่อในอนาคตอีกด้วย” Dr.Barry Bloom ศาสตราจารย์สาขาสาธารณสุขศาสตร์แห่ง Harvard University กล่าวกับ Times
         อย่างไรก็ตาม จะต้องเก็บและขนส่งวัคซีนดังกล่าวในอุณหภูมิที่ต่ำมากๆ คือ –4๐ ฟาเรนไฮท์ (ประมาณ -20 เซลเซียส) สำหรับวัคซีนของ Moderna และ -94๐ ฟาเรนไฮท์ (ประมาณ -90 เซลเซียส) สำหรับวัคซีนของ Pfizer ซึ่งทำให้การกระจายวัคซีนยุ่งยากมาก  ขณะที่วัคซีนอื่นๆ ส่วนใหญ่ที่กำลังพัฒนาอยู่สามารถเก็บในตู้เย็นได้
          แต่ Moderna กล่าวว่า นักวิจัยได้พบว่า วัคซีนของ Moderna มีอายุการเก็บรักษาในตู้เย็นได้นานกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ คือ 30 วัน ไม่ใช่ 7 วัน นอกจากนั้นวัคซีนจะอยู่ได้ 12 ชั่วโมง ณ อุณหภูมิห้อง
          ทั้งสองบริษัทคาดว่าจะยื่นขอความเห็นชอบให้ใช้ฉุกเฉินภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ต่อองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration: FDA) เพื่อเริ่มให้วัคซีนกับประชาชนต่อไป
ก่อนหน้านี้หลังจาก Pfizer ประกาศผลสำเร็จของการทดลองวัคซีน COVID_19 ไม่กี่วัน  วัคซีน Sputnik V ซึ่งพัฒนาโดย National Research Centre for Epidemiology and Microbiology ในกรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย ประสบความสำเร็จในการทดลอง โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อในเบื้องต้นร้อยละ 92 และเป็นวัคซีนชนิดที่ไม่ต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำมาก