แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เผย “รักษาที่ต้นเหตุ” หายอย่างยั่งยืน

เปิดใจนพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ ผู้บุกเบิกการรักษาโรคกระดูกสันหลัง จนก่อตั้งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกในประเทศไทย 


 


ที่สุดของวงการรถ คือ ฟอร์มูล่าวัน แต่ของวงการแพทย์ก็คือโรงพยาบาลเฉพาะทางครับ โรงพยาบาลเราเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังนะครับ เป็นโรงพยาบาลที่มีความชำนาญด้านการรักษากระดูกสันหลัง  เราเน้นการรักษาที่ต้นเหตุ ซึ่งการรักษาแบบนี้คนไข้จะหายจากอาการเจ็บป่วยอย่างยั่งยืน


นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอสสไปน์ เปิดใจถึงการทำการรักษาของโรงพยาบาลสู่การพัฒนาศักยภาพทีมแพทย์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย ส่งผลให้ โรงพยาบาลเอส สไปน์ กลายเป็นโรงพยาบาลที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ทศวรรษ  

นพ.ดิตถพงษ์ เผยว่า โรงพยาบาลเอส สไปน์ ใช้การรักษาแบบ Minimally Invasive Spine Surgery หรือ MIS Spine แบบครบวงจร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังและกลัวการผ่าตัด ทำให้การผ่าตัดแผลใหญ่กลายเป็นแผลเล็ก แต่ได้ผลลัพธ์การรักษาที่เท่ากัน ปลอดภัยกว่าเดิม ผู้ป่วยเสียเลือดน้อย ความเจ็บปวดหลังการรักษาลดลง ทำให้ค่ารักษาโดยรวมถูกกว่าเดิม ผู้ป่วยจากเดิมที่เคยต้องนอนโรงพยาบาลประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรือบางรายอาจต้องนอนนาน 1-2 เดือน แต่เมื่อมารักษาด้วยวิธี MIS  Spine ทำให้ผู้ป่วยนอนพักที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น


นอกจากนั้นสิ่งที่เป็นหัวใจหลักของโรงพยาบาลคือทีมแพทย์ ต้องมองเห็นประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก แพทย์ที่เข้ามาอยู่กับเราก็ต้องมีทัศนคติที่ตรงกับเรา เพราะฉะนั้นเมื่อมีทัศนคติที่ตรงกันแล้วจะมองข้ามไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะแพทย์แต่ละท่านต่างก็จบมาจากหลากหลายที่ การรักษาที่หลากหลายวิธี แต่ละที่ก็เรียนมาอาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ แพทย์ที่รักษาในโรงพยาบาลเอส สไปน์ จะทำงานกันเป็นทีมเวิร์ค เพราะว่าโดยปกติแล้วผู้ป่วย 1 คนอาจจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการรักษาที่ไม่เหมือนกัน และแพทย์ของเราก็มีความชำนาญที่แตกต่างกันไป ซึ่งการทำงานแบบทีมเวิร์คนี้จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างดีเยี่ยม โดยปกติแล้วการรักษาโดยทั่วๆ ไป แพทย์ทุกคนสามารถรักษาได้หมด แต่อะไรที่เป็นเฉพาะทางจริงๆ  อาจจะมีข้อแตกต่างกันบ้าง การมีทีมเวิร์คที่ดีจะช่วยเหลือกันได้ ไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้น แต่เรายังมีทีมเวิร์คจากต่างประเทศร่วมด้วย ซึ่งทีมแพทย์ที่รักษาในโรงพยาบาลเอส สไปน์ เราจะมีการแชร์องค์ความรู้ของเราไปยังนานาชาติ ซึ่งเป็น Host Speaker ในต่างประเทศด้วยเช่นกัน ทำให้แพทย์ทั้งไทยและต่างประเทศได้เข้ามาฝึกและดูงานที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ อีกทั้งยังมีที่ปรึกษาพิเศษผู้ที่คิดค้นเทคนิคการรักษาใหม่ก็ได้มาถ่ายทอดเทคนิคการรักษาที่นี่ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศไทย


 


นอกจากนี้ ทีมผู้ช่วยแพทย์ของโรงพยาบาลเอสสไปน์ เราก็มีความความเฉพาะทางทางด้านนี้นะครับ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่แตกต่างกันค่อนข้างมากเลยนะครับ เพราะว่าไม่ใช่ว่าการรักษาเสร็จแล้วแล้วมันจะจบเลย การรักษาเสร็จต้องมีการดูแลต่อเนื่องนะครับ แม้แต่ในห้องผ่าตัดเอง พยาบาลต้องรู้ว่าเครื่องมือแบบไหน ดูแลแบบไหน ใช้งานยังไง ส่งแบบไหน ประกอบแบบไหน ถึงจะใช้ในงานได้ดีที่สุดครับ มันมีความแตกต่างกันอย่างมากนะครับระหว่างโรงพยาบาลเฉพาะทางกับโรงพยาบาลทั่วไป


 


ทั้งนี้ นพ.ดิตถพงษ์ เผยว่าหัวใจหลักของการรักษาโรคกระดูกสันหลังที่ต้นเหตุมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาผู้ป่วยให้หายขาดและยั่งยืน การรักษาที่เน้นสาเหตุของโรคมากกว่าการรักษาตามอาการ ด้วยนวัตกรรมเฉพาะทางช่วยให้หายจากอาการปวดต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งพายาแก้ปวดอย่างต่อเนื่อง เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ การวินิจฉัยที่แม่นยำด้วยเทคโนโลยี MRI และ X-ray โดยเทคนิคเฉพาะ สามารถปรับเป็นท่ายืนได้  จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคกระดูกสันหลัง


 


ในกรณีที่มีอาการผิดปกติทางกระดูกสันหลัง เช่น ปวดหลังร้าวลงขา หรือปวดโดยไม่ทราบสาเหตุ การตรวจด้วยเครื่อง MRI จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ แต่ต้องอ่านผลควบคู่กันกับการ X-ray เพราะจะทำให้เห็นโครงสร้างกระดูกสันหลังได้ชัดเจน


 


นอกจากนั้นที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ยังมี เครื่อง MRI แบบยืน (Standing MRI) เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่สามารถเข้าไปยืนหรือนั่งตรวจได้เพื่อให้มีแรงกดลงในแนวดิ่งเสมือนการยืนแล้วทำให้มีอาการปวดหลัง โดยแพทย์สามารถเห็นภาพการตรวจที่ใกล้เคียงสภาพความเป็นจริงของผู้ป่วยได้มากขึ้น อีกทั้งผู้ที่มีภาวะกลัวที่แคบก็สามารถตรวจได้ โดยรูปร่างของเครื่องจะมีลักษณะเปิดโล่งด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง และปรับให้ยืนได้ ซึ่งต่างจากเครื่อง MRI แบบอุโมงค์


สำหรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอสสไปน์ เราเน้นเรื่องความรวดเร็วมาก เพราะเราเชื่อว่าทุกนาทีที่เจ็บปวดมันคือความทุกข์ทรมาน เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการคืนคุณภาพชีวิตที่ดีกลับสู่คนไข้อย่างเร็วที่สุด  การหาสาเหตุของโรคให้เจอนับเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราค้นพบสาเหตุแล้วการรักษาก็จะเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว