ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะรองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณนายแพทย์สุพัฒน์ วาณิชย์การ เลขาธิการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายปาณิดล ปัจฉิมสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ และศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา ประธานคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลครั้งที่ 34 ประจำปี 2568 ณ ห้องสมเด็จพระบรมราชชนก ตึกสยามินทร์ ชั้น 2 โรงพยาบาลศิริราช
ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2568 สาขาการแพทย์ ได้แก่ นายแพทย์เทอร์รี ดีน คิง (Terry Dean King, MD.) จาก สหรัฐอเมริกา และ สาขาการสาธารณสุข ได้แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์วอลเตอร์ ซี. วิลเล็ตต์ (Prof. Walter C. Willett, MD, MPH, DrPH) จาก สหรัฐอเมริกา

ในปีนี้ มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2568 รวมทั้งสิ้น 47 ราย จาก 17 ประเทศ อีกทั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการได้พิจารณากลั่นกรอง และคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ ได้นำรายชื่อของผู้ได้รับการเสนอชื่อระหว่างปี 2565 – 2567 มาพิจารณาร่วมด้วย และนำเสนอต่อคณะกรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธาน พิจารณาตัดสินเป็นขั้นสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในระยะเวลา 33 ปี ที่ผ่านมา มีบุคคลหรือองค์กรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลรวม 98 รายเป็นคนไทย 4 ราย ได้แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสงค์ ตู้จินดา จากการศึกษาผลกระทบของเชื้อไวรัสเด็งกี่ ต่อความพิการของร่างกายเด็กที่ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก รับร่วมกับศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุจิตรา นิมมานนิตย์ จากการจำแนกความรุนแรงของโรคไข้เลือดออก ได้รับพระราชทานรางวัลในสาขาการแพทย์ ประจำปี 2539 และนายแพทย์วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ผู้ริเริ่มโครงการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย 100% ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคเอดส์รับร่วมกับนายมีชัย วีระไวทยะ ผู้ริเริ่มวิธีการสื่อสารรณรงค์เผยแพร่การใช้ถุงยางอนามัย ได้รับพระราชทานรางวัลในสาขาการสาธารณสุข ประจำปี 2552
มีผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลจำนวน 6 ราย ซึ่งต่อมาได้รับรางวัลโนเบลจากผลงานเดียวกัน ได้แก่
ศาสตราจารย์แบรี่ เจมส์ มาแชล จากออสเตรเลีย ได้รับพระราชทานรางวัลในสาขาการสาธารณสุข ประจำปี 2544 จากการค้นพบเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอรี่ เป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหาร ต่อมา ได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ในปี 2548
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซ่น จากเยอรมนี ได้รับพระราชทานรางวัลรางวัลในสาขาการสาธารณสุข ประจำปี 2548 จากการค้นพบเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ต่อมา ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ ประจำปี 2551
ศาสตราจารย์ซาโตชิ โอมูระ จากญี่ปุ่น ได้รับพระราชทานรางวัลรางวัลในสาขาการแพทย์ ประจำปี 2540จากผลงานการศึกษาวิจัยจุลชีพชนิด สเตรฟโตมัยซีส เอเวอร์มิติลิต จนสามารถสังเคราะห์ยา ivermectin เพื่อใช้รักษาและป้องกันโรคตาบอดจากพยาธิและโรคเท้าช้าง ต่อมา ได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2558
ศาสตราจารย์ตู โยวโยว จากจีน เป็นสมาชิกของกลุ่ม China Cooperative Research Group on Qinghaosu and its Derivatives as Antimalarials ได้รับพระราชทานรางวัลรางวัลในสาขาการแพทย์ประจำปี 2546 จากการศึกษาสารสกัดชิงเฮาซูจนสามารถพัฒนาเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย ต่อมา ได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2558
เซอร์เกรกอรี พอล วินเทอร์ จากสหราชอาณาจักร ได้รับพระราชทานรางวัลในสาขาการแพทย์ ประจำปี 2559 จากการพัฒนาเทคโนโลยีในการสร้าง และดัดแปลงโมเลกุลของแอนติบอดีให้มีประสิทธิภาพสูงและลดความเป็นสิ่งแปลกปลอม (Antibody Humanization) นำไปสู่ความก้าวหน้าในการพัฒนายากลุ่มใหม่ จากชีวโมเลกุลซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาโรค ต่อมา ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเคมี ประจำปี 2561
ศาสตราจารย์ ดร.กอตอลิน กอริโก จากฮังการี / สหรัฐอเมริกา และศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ดรู ไวส์แมน จากสหรัฐอเมริกา ได้รับพระราชทานรางวัลในสาขาการแพทย์ ประจำปี 2564 จากการศึกษาวิจัยวัคซีนโควิด-19 ชนิดเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอ ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วตอบสนองกับการระบาด ทำให้สามารถลดการติดเชื้อและการเจ็บป่วยรุนแรง อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมการระบาดในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัย และชีวิตผู้ป่วยหลายร้อยล้านคนทั่วโลก ต่อมา ได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2566
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล เป็นรางวัลที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในโอกาสจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี แห่งการพระราชสมภพ 1 มกราคม 2535 ดำเนินงานโดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน มอบรางวัลให้แก่บุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทางด้านการแพทย์ 1 รางวัลและด้านการสาธารณสุข 1 รางวัล เป็นประจำทุกปีตลอดมา แต่ละรางวัลประกอบด้วย เหรียญรางวัล, ประกาศนียบัตร และเงินรางวัล 100,000 เหรียญสหรัฐ

ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2568
สาขาการแพทย์
นายแพทย์ เทอร์รี ดีน คิง สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางเป็นกุมารแพทย์ และเป็นกุมารแพทย์โรคหัวใจ ณ มหาวิทยาลัยดุ๊ค รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา จบแล้วประกอบวิชาชีพเวชกรรม ณ เมืองเวสท์ มอนโร รัฐลุยเซียนา จนปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นกุมารแพทย์โรคหัวใจ และดำรงตำแหน่งแพทย์อาวุโส โรงพยาบาลเด็กออชส์เนอร์ รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา
นายแพทย์เทอร์รี ดีน คิง เป็นแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ มีความสนใจ
เรื่องการรักษาแบบรุกล้ำน้อย (Minimally Invasive Treatment) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขความผิดปกติของหัวใจพิการแต่กำเนิดโดยไม่ต้องรับการผ่าตัด ผลงานวิจัยและประสบการณ์ทางคลินิกของท่าน ได้วางรากฐานให้แก่การพัฒนาแนวทางการรักษาโรคหัวใจที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในปี พ.ศ. 2518 นายแพทย์คิง และคณะ ได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่มีรูรั่วของผนังกั้นหัวใจช่องบน (Atrial Septal Defect) รายแรกได้สำเร็จ โดยใช้อุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นใหม่เป็นรูปร่มขนาดเล็ก (umbrella-shaped device) ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ King–Mills Cardiac Umbrella อุปกรณ์นี้ถือเป็นนวัตกรรมการรักษาโรคหัวใจแบบไม่ต้องผ่าตัดเปิดทรวงอก โดยใช้วิธีใส่อุปกรณ์ผ่านสายสวนหลอดเลือดดำเพื่อปิดรูรั่วของหัวใจ การรักษาด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวช่วยลดความจำเป็นในการผ่าตัดใหญ่ ลดระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ลดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์การรักษาโรคหัวใจ ที่เชื่อมโยงนวัตกรรมเชิงวิศวกรรมและการประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ และถือเป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยีการรักษาแบบรุกล้ำน้อย นายแพทย์คิงยังมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้และส่งเสริมให้ประเทศรายได้น้อยถึงปานกลางเข้าถึงเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยได้อย่างเท่าเทียม
ผลงานความเป็นเลิศในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ และผลงานที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิดทั่วโลก ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาแบบรุกล้ำน้อย เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของมวลมนุษย์ได้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก

ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2568
สาขาการสาธารณสุข
ศาสตราจารย์นายแพทย์ วอลเตอร์ ซี. วิลเล็ตต์ สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา สาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต และสาธารณสุขศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ปฏิบัติงานเป็นอาจารย์อยู่ในคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย คาร์ เอ ซาลาม สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย อยู่ 3 ปี กลับมาเป็นอาจารย์สาขาวิชาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ สาขาวิชาระบาดวิทยาและโภชนาการ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยระหว่างนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาวิชาโภชนาการอยู่ 25 ปี
ศาสตราจารย์นายแพทย์วอลเตอร์ ซี. วิลเล็ตต์ เป็นผู้บุกเบิกคนสำคัญในสาขาระบาดวิทยาทางโภชนาการยุคใหม่มีบทบาทสำคัญในโครงการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับอาหาร การดำเนินชีวิต และโรคเรื้อรัง ผลงานวิจัยของศาสตราจารย์นายแพทย์วิลเล็ตต์ ได้เปลี่ยนแปลงความเข้าใจในด้านโภชนาการอย่างมาก และมีส่วนผลักดันการปรับเปลี่ยนนโยบายสาธารณสุขที่สำคัญในระดับนานาชาติ
หนึ่งในผลงานสำคัญคือการพบหลักฐานเชิงประจักษ์เป็นครั้งแรกว่าการบริโภคไขมันทรานส์ (trans fats) มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหลอดเลือดหัวใจ ผลการค้นพบนี้นำไปสู่การออกข้อบังคับห้ามใช้ไขมันทรานส์ในหลายประเทศทั่วโลก และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่องค์การอนามัยโลกในการจัดตั้งโครงการเพื่อขจัดไขมันทรานส์ซึ่งคาดว่าจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคหัวใจได้กว่า 250,000 รายต่อปี
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์วิลเล็ตต์ได้หักล้างความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนานว่าไขมันทุกชนิดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยท่านชี้ให้เห็นว่า “คุณภาพของไขมัน” เป็นปัจจัยสำคัญต่อความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่าปริมาณไขมันทั้งหมดที่บริโภค อีกทั้งงานวิจัยของท่านยังได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการบริโภคคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในปริมาณมาก โดยพบว่าอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (glycemic index) สูงจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ผลการศึกษาของศาสตราจารย์นายแพทย์วิลเล็ตต์ได้ย้ำหลักการสำคัญที่ว่า โรคเรื้อรังส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้ รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วยการปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการดำเนินชีวิตในปี พ.ศ. 2562 ศาสตราจารย์นายแพทย์วิลเล็ตต์ ได้เสนอแนวคิด “อาหารเพื่อสุขภาพของโลก (Planetary Health Diet)” ซึ่งสามารถลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้มากถึงร้อยละ 30 หรือเทียบเท่ากับการช่วยชีวิตมนุษย์ได้กว่า 15 ล้านคนต่อปี
จากคุณูปการอันล้ำค่าและผลงานที่ก้าวล้ำในการวิจัยด้านโภชนาการ ได้ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อการส่งเสริมสุขภาพของประชากรโลกและการกำหนดนโยบายสาธารณสุขเพื่อการป้องกันโรค ก่อประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยนับร้อยล้านคนทั่วโลก
