กลิ่นเท้าแรง ผิวเท้าเป็นหลุม รักษาได้! (Pitted Keratolysis)

www.medi.co.th


สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์เผย โรค Pitted Keratolysis หรือกลิ่นเท้าแรง ผิวเท้าเป็นรูป เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากแบคทีเรีย ทำให้เกิดหลุมเล็ก ๆ ที่เท้า และมีกลิ่นเท้าแรง สามารถรักษาได้ง่ายและหายได้เร็วหากได้การดูแลรักษาที่ถูกต้องถูกวิธี


นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า Pitted Keratolysis เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังบริเวณฝ่าเท้า โดยเฉพาะส้นเท้าและปลายเท้า ทำให้เกิดหลุมเล็กๆ บนผิวหนังและมักมี กลิ่นเท้าแรง ร่วมด้วย โรคนี้ไม่ใช่โรคที่เป็นอันตราย แต่สร้างความรำคาญและกระทบคุณภาพชีวิตได้ กลุ่มที่เสี่ยงเป็นโรคนี้ ได้แก่  ผู้ที่ใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าบูตตลอดวัน คนเหงื่อออกง่าย หรือเป็น “เท้าเหม็น” นักกีฬา ทหาร แพทย์ พยาบาล คนทำงานโรงงาน และผู้ที่ต้องยืนหรือเดินในที่อับชื้นเป็นเวลานาน การรักษาความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ การที่เท้าไม่ อับชื้นจะช่วยป้องกันโรคนี้ได้ หากเท้ามีกลิ่นแรงหรือพบหลุมบนผิวฝ่าเท้า ให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที

นายแพทย์วีรวัต อุครานันท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติม โรค Pitted Keratolysis  เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น Corynebacterium spp. Kytococcus sedentarius Dermatophilus congolensis Actinomyces หรือ Streptomyces เป็นต้น ซึ่งเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้เจริญได้ดีในสภาวะอับ ชื้น เหงื่อออกมาก เช่น การใส่รองเท้าหุ้มส้นนาน ๆ การสังเกตตนเองถ้ามีอาการมีกลิ่นเท้ามากผิดปกติ ฝ่าเท้ามีหลุมจำนวนมากหรือเป็นเรื้อรัง มีอาการเจ็บ ปวด แดง บวม รักษาเองแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ การป้องกันโดยการล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะซอกนิ้ว ใช้รองเท้าที่โปร่ง ระบายอากาศ เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน หลีกเลี่ยง การเดินในที่อับชื้นนาน ๆ

นายแพทย์ปุณวิศ สุทธิกุลณเศรษฐ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า อาการของโรค Pitted Keratolysis คือ ฝ่าเท้าเป็นหลุมเล็ก ๆ ขนาด 1–3 มม. ผิวดูยุ่ยหรือเป็นรูคล้าย “ถูกหนอนแทะ”  มีกลิ่นเท้าแรงกว่าปกติ อาจมีเจ็บเล็กน้อยเวลายืนหรือเดิน แต่ส่วนใหญ่ไม่เจ็บ การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจฝ่าเท้า อาจใช้แสง Wood’s lamp ช่วย (บางรายเรืองสีส้มแดง) ไม่จำเป็นต้องตรวจเลือด การรักษาสามารถทำได้ทั้ง การใช้ยาทาเฉพาะที่ และการรับประทานยาร่วมกับการดูแลตนเองที่ถูกต้อง ยาเฉพาะที่ ได้แก่ Clindamycin Erythromycin, Fusidic acid และ Benzoyl peroxide ส่วนยารับประทานใช้เฉพาะรายที่เป็นมากหรือรักษา ด้วยยาทาไม่ดีขึ้น และการดูแลตนเองทำได้โดย ทำให้เท้าแห้งอยู่เสมอ ใส่ถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เปลี่ยนรองเท้าให้แห้งอยู่เสมอ ใช้แป้งลดเหงื่อหรือสเปรย์ระงับกลิ่นเท้า และลดการใส่รองเท้าหุ้มส้นนาน ๆ