แพทย์ผิวหนังเตือนการใช้ผงคลอรีนผสมน้ำอาบอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและเยื่อบุ

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง  เตือนการใช้ผงคลอรีนผสมน้ำอาบอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและเยื่อบุ ดวงตา จมูก หรือระบบทางเดินหายใจได้ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลผิวให้เหมาะสม


นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์  อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า จากข่าวกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ว่า มีหญิงสาวนำผงคลอรีนผสมน้ำอาบ เพื่อเป็นสูตรเร่งผิวขาวได้รวดเร็วนั้น กรณีนี้ขอเรียนว่า ผงคลอรีนที่เป็นสารเคมีกลุ่ม Calcium hypochlorite หรือ Sodium hypochlorite มีรูปแบบเป็นผงสีขาว ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ และใช้เป็นสารฟอกสีขาวในน้ำยาซักผ้า ตัวสารเคมี hypochloriteมีฤทธิ์เป็นด่าง ทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อที่สัมผัส อีกทั้งเมื่อรวมกับน้ำจะปล่อยแก๊สคลอรีน ซึ่งสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองต่อ ผิวหนัง ดวงตา จมูก หรือระบบหายใจได้ โดยเฉพาะหากใช้ในความเข้มข้นสูงหรือใช้ผิดวิธี


แพทย์หญิงมิ่งขวัญ  วิชัยดิษฐ  ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง  กรมการแพทย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปความรุนแรงของการระคายเคืองจากสารเคมี จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและระยะเวลาที่สัมผัส  อาการระคายเคืองจากสารกลุ่มนี้ ได้แก่ แสบตา ตาแดง น้ำตาไหล แสบจมูกและลำคอ ไอ แต่หากรุนแรงมากขึ้น สารเคมีอาจทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณที่สัมผัสเกิดการไหม้ เป็นตุ่มน้ำ เป็นเนื้อตาย หรือส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท ในทางการแพทย์มี   การใช้ Sodium hypochlorite เจือจางผสมน้ำอาบ เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังซึ่งจะป้องกันการเห่อของโรคผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ แต่ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอน วิธีการใช้ที่ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด  หากนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ผิดความเข้มข้น หรือแช่น้ำอาบ นานเกินไป อาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้                


ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สังคมควรปรับค่านิยมให้เห็นว่า  ผิวทุกสีก็สวยได้         ไม่จำเป็นต้องเป็นผิวขาวอย่างเดียว การดูแลผิวพรรณที่ถูกวิธีเริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี  ดื่มน้ำที่เพียงพอ ทาครีมบำรุงตามความจำเป็นเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม  ลดปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะทำลายผิว เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดที่แรงและมลภาวะต่างๆ เป็นต้น หากมีความต้องการปรึกษาเรื่องผิวพรรณ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง