กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง แนะนำการรักษาโรคผิวหนังช้าง หรือปัญหาผิวหนังคล้ำบริเวณ หลังคอ รักแร้ และขาหนีบ โรคนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการ หรือบางรายอาจมีอาการคันที่บริเวณรอยโรค พร้อมทั้งแนะนำวิธีการรักษาที่ถูกวิธี
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากในรายงานข่าว กรณีที่มีผู้ใช้น้ำมัน E85 ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 85% มาขัดบริเวณซอกคอ เพื่อรักษารอยปื้นดำที่ซอกคอ ซึ่งได้มีการแชร์คลิปลงในสื่อโซเชี่ยล พบว่าจากลักษณะของรอยดำปื้นที่คอนี้ เข้าได้กับโรคผิวหนังช้าง หรือ Acanthosis nigricans หรือ “โรคผิวหนังช้าง” เป็นลักษณะของผิวหนังที่มีสีดำคล้ำ ลักษณะของโรคมักจะสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคอ้วน โรคทางระบบฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อ การมีระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ ยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น ไนอะซิน ยาคุมกำเนิด ยากินเพรดนิโซโลนและอาจจะสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีความสัมพันธ์กับมะเร็งบางชนิด
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่มีการเอาน้ำมัน E85 มาขัดฟอกบริเวณรอยโรคนั้น ไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยรักษารอยโรคแล้วอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เนื่องจากน้ำมัน E85 มีส่วนประกอบของเอทานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15% ซึ่งเมื่อสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวอย่างรุนแรงได้ หรือการสูดดมเข้าไปมากๆ อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ในระยะยาวอาจมีผลต่อระบบประสาทกับทางเดินหายใจด้วย
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า แพทย์สามารถวินิจฉัยได้จากลักษณะของรอยโรค ร่วมกับการซักประวัติ ในส่วนของแนวทางการรักษานั้น การรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุ จะทำให้รอยโรคของโรคผิวหนังช้างดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร หรือการหยุดใช้ยาที่อาจเป็นสาเหตุของโรค นอกจากนี้อาจมีการใช้ยาทาหรือยากินบางกลุ่มก็สามารถช่วยให้รอยโรคทุเลาลงได้ที่สำคัญคือควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองและหาสาเหตุของโรค เพื่อนำไปสู่การดูแลรักษาที่เหมาะสมต่อไป