โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคใกล้ตัวที่ถูกมองข้าม

ศ.พญ.ศิริวรรณ วนานุกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.พญ.ประภาพิต  ตู้จินดา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย

“โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก โดยมีผื่นเป็น ๆ หาย ๆ เด็กบางคนอาจยังคงมีอาการเรื้อรังต่อไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ การร่วมมือกับสมาคมแพทย์ผิวหนังฯ ในการจัดงานเสวนาออนไลน์ในครั้งนี้ ทางชมรมแพทย์ผิวหนังเด็กฯ มุ่งหวังว่าจะเป็นเวทีให้ความรู้สำหรับพ่อ แม่ ผู้ปกครองได้เข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น เพื่อลดความวิตกกังวลและมีแนวทางการปฏิบัติในการดูแลสุขภาพของลูกน้อยอย่างถูกต้องเหมาะสม ตลอดจนส่งต่อความรู้ที่ถูกต้องกับเด็กในการดูแลตัวเอง เพื่อให้บุตรหลานของท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้”
          โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Atopic Dermatitis  เป็นโรคที่มีอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง มักเป็น ๆ หาย ๆ จากปัจจัยหลาย ๆ อย่างร่วมกัน ได้แก่ พันธุกรรม กำหนดให้ผู้ป่วยมีผิวแห้งและมักมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เช่น จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังร่วมด้วย ปัจจัยสำคัญอีกข้อ คือ มีสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการกำเริบ โดยแต่ละคนจะมีปัจจัยกระตุ้นที่แตกต่างกัน ปัจจัยกระตุ้นที่พบได้บ่อย เช่น อาหารในเด็กเล็ก การติดเชื้อที่ผิวหนัง สารก่อการระคาย หรือสารก่อภูมิแพ้  ผิวหนังของผู้ป่วยจะไว (sensitive) ต่อสภาพแวดล้อมรอบตัวทั้งสภาพทางกายภาพ เช่น ภาวะอากาศร้อนเกินไป เย็นเกินไป หรือสารเคมีที่ระคายผิวหนัง เป็นต้น
          โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย หลายคนมักมองข้าม ไม่ใส่ใจโรคเหล่านี้มากนัก แต่หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดภาวะรุนแรงหรือเรื้อรังขึ้นได้ โดยอุบัติการณ์ของโรคนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มอายุ ในเด็กไทยพบประมาณร้อยละ 10-20 ส่วนผู้ใหญ่พบน้อยกว่าประมาณร้อยละ 2-10 เด็กที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการตั้งแต่ยังเป็นทารกอายุ 3 เดือนขึ้นไป ส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเติบโตขึ้น แต่มีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 2 ที่ไม่เคยปรากฏอาการในวัยเด็ก แต่เริ่มมีอาการในวัยผู้ใหญ่
          สำหรับลักษณะผื่นของโรคภูมิแพ้ผิวหนังในผู้ป่วย มี 3 แบบ ได้แก่
          ระยะเฉียบพลัน คือ มีผื่นบวมแดงที่มีตุ่มน้ำขนาดเล็ก บางรายอาจมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมา มีอาการคันมาก
          ระยะกึ่งเฉียบพลัน คือ ผื่นแดง ตุ่มน้ำ แห้งเป็นสะเก็ด มีขุยบ้าง มีอาการคันมาก
          ระยะเรื้อรัง คือ ผื่นจะมีสีไม่แดงมากหรือออกสีน้ำตาล อาจนูนหนา และเห็นร่องผิวหนังชัดเจน มีอาการคันมาก ผู้ป่วยภาวะเรื้อรังบางรายมีอาการคันรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตและครอบครัว ตลอดจนกระทบความมั่นใจและการเข้าสังคม ผู้ป่วยบางรายอาจเลือกที่จะใส่เสื้อผ้าปกคลุมผิวหนังหลาย ๆ ส่วนของร่างกาย เนื่องจากความอาย จนนำไปสู่ผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เกิดความเครียด กังวล และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ในที่สุด
          ในปัจจุบัน โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เมื่อโตขึ้นอาการจะดีขึ้น ส่วนใหญ่จะหายได้ และสามารถควบคุมการกำเริบของโรคได้ ดังนั้น เป้าหมายของการรักษาโรคนี้จึงอยู่ที่ การพยายามควบคุมอาการของโรคและให้อยู่ในช่วงสงบนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยแนวทางการรักษา ได้แก่ การหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้อาการกำเริบ การทาสารเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนัง ป้องกันผิวแห้ง เช่น โลชั่น ครีมบำรุงผิว ควรทาหลังอาบน้ำทันที และไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้น  เฉพาะเมื่อมีการอักเสบที่ผิวหนังจึงใช้ยาทาลดการอักเสบ ทาบริเวณผื่นที่มีอาการเห่อแดงอักเสบ เมื่อควบคุมอาการได้ควรลดการใช้ยาหรือหยุดยา ในรายที่ผื่นเป็นมากและอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยากดภูมิ และในปัจจุบันมีการรักษาโดยยาฉีดกลุ่มชีวภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งความก้าวหน้าของแนวทางการรักษา โดยจะเลือกใช้ในรายที่มีอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยวิธีอื่น ทั้งนี้ ควรอยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิด
          ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย www.dst.or.th หรือรับชมผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง”