แนะโรคพยาธิหอยคันแค่เกิดอาการที่ผิวหนังไม่อันตรายถึงชีวิต

กรมการแพทย์ สถาบันโรคผิวหนัง

กรมการแพทย์  โดยสถาบันโรคผิวหนังแนะนำโรคพยาธิหอยคัน หลังระบาดในภาคใต้ ไม่ใช่โรคติดต่อจากคนสู่คน ไม่เป็นโรคอันตราย  สามารถหายเองได้  สาเหตุเกิดจากพยาธิหอยคันที่อยู่ในน้ำ  พร้อมแนะนำวิธีป้องกันอันตรายจากพ

          นายแพทย์สมศักดิ์  อรรฆศิลป์  อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า จากกรณีมีชาวบ้านมากกว่า 200 คน ซึ่งเป็นชาวนาในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ประสบกับปัญหาดำนาแล้วเกิดผดผื่นคัน และเป็นตุ่มตามแขนขา ในระยะเวลาช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคม 2563  และได้มีการวินิจฉัยสาเหตุของผื่นคันที่เกิดขึ้นดังกล่าว จากความร่วมมือของโรงพยาบาลโรคผิวหนังเขตร้อนภาคใต้ จังหวัดตรัง กรมการแพทย์  กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม  กองระบาดวิทยา สถาบันราชประชาสมาสัย  สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา กรมควบคุมโรค สำนักงานสิ่งแวดล้อมที่ 16 สงขลา สำนักงานเกษตรอำเภอ ฝ่ายปกครองอำเภอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา โดยร่วมกันสอบสวนโรค และหาสาเหตุ  รวมทั้งการซักประวัติ  ตรวจร่างกาย ทำแผนที่การระบาด  รวมทั้งการนำตัวอย่างน้ำและหอยในนาไปตรวจ  พบว่า  เป็นการแพร่ระบาดของโรคพยาธิหอยคัน  ซึ่งเกิดจากตัวอ่อนพยาธิใบไม้ในเลือดที่อยู่ในตัวหอยคัน  มักเกิดกับเกษตรกรที่ต้องสัมผัสกับแหล่งน้ำอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพทำนาและผู้ที่ต้องสัมผัสกับแหล่งน้ำ  เช่น ผู้ที่มีอาชีพงมหอย  เก็บผักบุ้ง  หรือเด็กๆ ที่ชอบว่ายน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ ขอให้ระมัดระวังอันตรายจากพยาธิหอยคันไว้ด้วย  เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการทางโรคผิวหนังได้
          แพทย์หญิงมิ่งขวัญ  วิชัยดิษฐ  ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง  กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  โรคพยาธิหอยคันหรือโรคคันน้ำ  เกิดจากพยาธิตัวอ่อนระยะเซอคาเรียของพยาธิใบไม้ในสัตว์  เช่น วัว ควาย  เนื่องจากพยาธิมีแหล่งที่อยู่เป็นสัตว์  คนเราไม่ใช่แหล่งที่อยู่ของพยาธิ พยาธิจะไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยได้  เมื่อพยาธิเข้าสู่ร่างกายมักจะตายหลังจากไชไประยะเวลาหนึ่ง เมื่อพยาธิไชไปตามผิวหนังจะกระตุ้นให้เกิดอาการทางผิวหนัง คันตามตัว ตุ่มแดงคล้ายแมลงกัด ผื่นแดง มีตุ่มน้ำใส ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการแพ้มากเป็นพิเศษ  ทำให้เกิดตุ่มจำนวนมาก  ยิ่งทำให้เกิดอาการคันมากยิ่งขึ้น พยาธิเหล่านี้จะมีวงจรชีวิตช่วงหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหอยคัน  เมื่อพยาธิเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายของเราจะไม่เป็นอันตราย เนื่องจากไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่จะก่อให้เกิดความรำคาญจากอาการคัน ในด้านการรักษาเป็นรักษาตามอาการ  ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการคันมาก ๆ และมีผื่นลุกลามให้ใช้ยาทาแก้คันพวกคาลาไมด์  หรือสเตียรอยด์ครีมทาบริเวณที่คัน หรือรับประทานยาแก้แพ้  ถ้ามีอาการเล็กน้อยไม่ต้องรักษา อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในเวลา 14 วัน
          ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับการป้องกันไม่ให้พยาธิหอยคันเข้าสู่ร่างกายนั้น   แนะนำหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำที่มีพยาธิอาศัยอยู่ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ผู้ที่จะต้องสัมผัสกับแหล่งน้ำต่างๆ อยู่เสมอใช้อุปกรณ์ป้องกัน โดยใส่รองเท้าบูท หรืออาจจะใช้วิธีป้องกันจากภูมิปัญญาชาวบ้านโดยทาน้ำมันพืช หรือใช้วาสลินทาบริเวณแขนขาก่อนลงสู่แหล่งน้ำแต่ละครั้ง  เพื่อป้องกันไม่ให้พยาธิหอยคันมาเกาะที่ผิวหนังและล้างตัวทำความสะอาดอย่างรวดเร็วหลังจากสัมผัสกับแหล่งน้ำที่คาดว่าจะมีตัวอ่อนพยาธิ หากท่านหรือบุคคลในครอบครัวมีอาชีพที่ต้องสัมผัสกับแหล่งน้ำอยู่เสมอๆ ควรป้องกันอันตรายจากพยาธิหอยคัน แม้ว่าพยาธินี้จะไม่เป็นอันตรายและไม่ใช่โรคติดต่อจนทำให้เสียชีวิต แต่ทำให้เกิดปัญหาโรคผิวหนังและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน