เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง และหลายๆคนมองข้ามคือเรื่องของสุขภาพผิวที่มักมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงเช่นนี้
ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคผิวหนังจำนวนมากจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น ส่วนใหญ่คือผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง ทั้งโรคสะเก็ดงู สะเก็ดเงิน และโรคที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัส เช่น งูสวัด เริม เนื่องจากอากาศหนาวทำให้เชื้อไวรัสเติบโตได้ดี นอกจากนี้ ยังพบปัญหาผิวแห้งเนื่องจากอากาศแห้ง ลมแรง รวมทั้งปัญหารังแคจากความแปรปรวนของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ผิวหนังในช่วงฤดูหนาว
ใครบ้างที่เสี่ยง เกิดโรคผิวหนัง...
สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่พบโรคผิวหนังมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว คือ เด็กและผู้สูงอายุ พบมีอาการผิวแห้ง เป็นผื่นคัน และผิวแตก
การดูแลรักษาผิวหนังในช่วงอากาศหนาว
ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดหรือนานเกินควร เพื่อรักษาน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวไว้ให้มากที่สุด เพราะในน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมีน้ำมัน สารเพิ่มความชุ่มชื่นที่สร้างขึ้นเฉพาะตัวและมีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นมิตรกับผิวช่วยป้องกันเชื้อโรคร้ายแรงอื่นไม่ให้เข้ามาในชั้นผิวหนัง แนะควรทาครีมเพิ่มความชุ่มชื่นหลังอาบน้ำใน 3-5 นาที
อาบน้ำนานๆ ใช่ว่าจะดี
รู้หรือไม่ว่า!! การอาบน้ำนานเกินไป หรือ ชําระล้างมากเกินไป นอกจากผิวแห้งจากการสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวแล้ว การชําระล้างยังทําลายเกาะภูมิคุ้มกันของผิวหนังด้วย
DID YOU KNOW!!
หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ โฟมหรือสบู่ยา เพราะจะทำให้ผิวยิ่งแห้ง แต่ควรใช้ครีมอาบน้ำที่ส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์แทน และควรใช้ครีมทาผิวเพื่อสร้างความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหลังอาบน้ำภายใน 3-5 นาที หลีกเลี่ยงการใช้ครีมผลัดเซลล์ผิวหรือครีมทาผิวขาวที่ผสมกรดวิตามินเอ เพราะจะทำให้ผิวลอก แห้ง และเกิดผื่นคันมากขึ้น สำหรับเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการอาบน้ำในขณะที่มีอากาศเย็น ควรเปลี่ยนมาใช้การเช็ดตัว หรือชำระล้างในที่เป็นข้อพับ หรือจุดซ่อนเร้นแทน เนื่องจากอาจมีกลิ่นอับได้
ข้อมูลจากโรงพยาบาลเปาโล