ดื่มน้ำ 1 วัน ไม่ถึงขวดลิตรส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ลำไส้ทำงานหนัก หัวใจเต้นเร็ว และอาจเกิดเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก
โดยทั่วไปแล้ว การดื่มน้ำ 1 ขวดลิตรต่อวัน อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เพศ อายุ ระดับกิจกรรม สภาพอากาศ สุขภาพโดยรวม ฯลฯ โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ทั่วไปควรดื่มน้ำประมาณ 2.5 ลิตรต่อวัน การดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อร่างกายดังนี้
• ขาดน้ำ: รู้สึกกระหายน้ำ ปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
• ท้องผูก: ใยอาหารในลำไส้ต้องการน้ำเพื่อดูดซับและขับถ่าย
• ความดันโลหิตสูง: หัวใจเต้นแรงขึ้นเพราะร่างกายต้องการน้ำที่ลำเลียงโลหิต
• นิ่วในไต: ปัสสาวะเข้มข้น เพราะไตพยายามดูดซึมน้ำกลับ ส่งผลให้เกลือแร่ตกตะกอนเกิดเป็นนิ่วได้
• ผิวแห้ง: ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น
• สมองทำงานช้าลง: สมองมีประกอบด้วยน้ำ เพื่อร่างกายขาดน้ำจะส่งผลให้เส้นเลือดในสมองหดเล็กลง ซึ่งอาจทำให้แตกได้ ซึ่งจะทำให้ส่งผลต่อสมาธิ ความจำ อารมณ์
อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำมากเกินไป ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน • ภาวะโซเดียมต่ำ: เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ชัก • เซลล์บวม: เกิดอาการบวมตามร่างกาย • ไตทำงานหนัก: เสี่ยงต่อโรคไต • หัวใจทำงานหนัก: เสี่ยงต่อโรคหัวใจ
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย • สังเกตสีปัสสาวะ: ปัสสาวะสีเหลืองอ่อน แสดงว่าดื่มน้ำเพียงพอ • ดื่มน้ำเมื่อรู้สึกกระหาย: ไม่รอจนรู้สึกกระหายจัด • ดื่มน้ำตลอดทั้งวัน: ไม่จำเป็นต้องรอจนรู้สึกกระหาย • ดื่มน้ำเพิ่มเมื่อเสียเหงื่อ: ออกกำลังกาย อากาศร้อน
ข้อมูลจาก กรมอนามัย
https://sasuksure.anamai.moph.go.th/content.php?news=1561