เนื้อ นม ไข่ ฯลฯ ล้วนเป็นแหล่งโปรตีนจากสัตว์ที่สำคัญ ซึ่งเด็กในแต่ละพื้นที่ทั่วโลกมีการเข้าถึงแหล่งโปรตีนจากสัตว์แตกต่างกัน ส่งผลต่อภาวะโภชนาการที่แตกต่างกันไปด้วย
รศ.ดร.นพวรรณ เปียซื่อ รองคณบดีฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกับ Tufts University สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2533 - 2561 ศึกษาวิจัยเด็กใน 185 ประเทศ ครอบคลุมร้อยละ 93 ของจำนวนเด็กทั่วโลก เกี่ยวกับ "การเข้าถึงแหล่งโปรตีนจากสัตว์" ซึ่งส่งผลอย่างยิ่งต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก พบเฉลี่ย 1.9 หน่วยบริโภค (170 กรัม) หรือประมาณ 12 ช้อนโต๊ะต่อวัน ในเด็กทั่วโลก โดยเด็กในประเทศที่มีรายได้น้อย เข้าถึงแหล่งโปรตีนจากสัตว์ได้น้อยกว่าเด็กในประเทศที่มีรายได้สูง
ในส่วนของประเทศไทย พบ "เด็กไทยในเมือง" เข้าถึงแหล่งโปรตีนจากสัตว์ได้มากกว่า "เด็กไทยในชนบท" ซึ่งหมายถึงโอกาสการเกิดโรคในกลุ่ม NCDs เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยจาก "ภาวะทุพโภชนาการ" ที่ไม่ได้มีความหมายเฉพาะ "การขาดสารอาหาร" แต่รวมถึงการมี "ภาวะโภชนาการเกิน" อีกด้วย ที่น่าเป็นห่วง คือ พบเด็กไทยอ้วนเพิ่มขึ้นตามอัตราซึ่งสอดคล้องกับอุบัติการณ์เด็กอ้วนทั่วโลก
ทีมวิจัยคาดหวังให้เกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จากการทุ่มเทศึกษาติดตามการเข้าถึงแหล่งโปรตีนจากสัตว์ในเด็กทั่วโลก ซึ่งต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับ Top1% ของโลก "Nature Food" ได้มีการขยายผลสู่การกำหนดนโยบายเพื่อแก้วิกฤตที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ทั่วโลก
โดยได้มองไปถึงการเสริมด้วย"โปรตีนทางเลือก" ซึ่งได้แก่ แหล่งโปรตีนจากพืช หรือ "Plant Based Protein" ในพื้นที่โลกที่ขาดแคลน พร้อมเรียกร้องให้ทั่วโลกหันมาบริโภคโปรตีนจากสัตว์โดยคำนึงถึง "สุขภาพสิ่งแวดล้อม" เพื่อรักษา "ความสมดุล" ให้กับโลก และมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติต่อไป