ยามะเร็ง Keytruda อาวุธใหม่พิชิตเนื้องอกปอดระยะรุนแรง

Dennis Thompson, HealthDay News

การทดลองครั้งใหม่ แสดงว่า ยารักษาโรคมะเร็งที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีกว่าเคมีบำบัดในการต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดขั้นรุนแรง
    ยา Keytruda (pembrolizumab) ช่วยยืดอายุให้นานกว่าเคมีบำบัด 4 ถึง 8 เดือน ในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ระบบภูมิคุ้มกันถูกเซลล์มะเร็งของตนหลอก
    “การทดลองครั้งนี้ แสดงว่า การใช้ยา pembrolizumab อย่างเดียว ช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตดีขึ้นเมื่อเทียบกับเคมีบำบัด” Dr. Gilberto Lopes ผู้เชี่ยวชาญมะเร็งวิทยาจาก Sylvester Comprehensive Cancer Center ที่ University of Miami Health System กล่าว
    แม้ว่ายา Keytruda จะให้ผลดีกว่าเคมีบำบัด แต่การใช้ยาทั้ง 2 ร่วมกัน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาโรคมะเร็งปอด Dr. Lopes กล่าวเพิ่มเติม
    “จากการศึกษาที่นำเสนอเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา เราเชื่อว่า การใช้เคมีบำบัดร่วมกับยา pembrolizumab อาจให้ผลดีกว่าใช้ยา pembrolizumab อย่างเดียว”  Dr. Lopes กล่าวและว่า “สิ่งที่เราน่าจะได้เห็นเป็นมาตรฐานใหม่ในการรักษา คือ การที่เราใช้ยาทั้ง 2 ร่วมกัน”
    ยา Keytruda ต่อสู้กับมะเร็งโดย “การนำตัวยับยั้งออกจากระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น เซลล์ที่ทำหน้าที่ป้องกันของเราเองจะรู้จักกับเซลล์มะเร็งและฆ่ามันได้”  Dr. Lopes อธิบาย
    ยายังทำงานได้ดีในการต่อสู้กับโรคมะเร็งอื่น ๆ ด้วย เมื่ออดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งผิวหนังซึ่งกระจายไปที่สมองหลายปีที่ผ่านมา  ยา Keytruda เป็นยาที่ช่วยทำให้โรคมะเร็งบรรเทาลงด้วยการยับยั้งการทำงานของโปรตีนที่เรียกว่า PD-L1
    เราพบว่า PD-L1 อยู่บนเซลล์มะเร็ง และมันส่งสัญญาณไล่ระบบภูมิคุ้มกันออกไป หลอกให้ภูมิคุ้มกันคิดว่า เนื้อเยื่อมะเร็งเป็นเซลล์ปกติที่แข็งแรงดี  ยา Keytruda จะยับยั้งการแทรกแซงนั้น แล้วปล่อยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันนักฆ่าค้นหาและทำลายโรคมะเร็ง
    ปกติเนื้องอกที่มีปริมาณ PD-L1 มากกว่า จะตอบสนองได้ดีกว่ากับการรักษาด้วยยา pembrolizumab แต่การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า ภูมิคุ้มกันบำบัดในลักษณะเดียวกันยังมีประสิทธิผลในการรักษาเนื้องอกที่มี PD-L1 ซึ่งสามารถตรวจหาได้อยู่เล็กน้อยหรือไม่มีเลย คณะผู้วิจัยกล่าวในส่วนที่เป็นข้อมูลเบื้องหลัง
    เพื่อจะดูว่ายา pembrolizumab มีประสิทธิผลในวงกว้างมากน้อยแค่ไหน Dr. Lopes และคณะผู้ร่วมงานได้สุ่มให้ผู้ป่วย 1,274 คน ที่เป็นโรคมะเร็งปวดขั้นรุนแรงได้รับยา pembrolizumab หรือเคมีบำบัด  และมีการติดตามเป็นเวลาโดยเฉลี่ยเกือบ 3 เดือน
    คณะผู้วิจัย พบว่า ผู้ที่ได้รับยา pembrolizumab มีอัตราการรอดชีวิตโดยเฉลี่ยนานกว่าผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด (ประมาณ 16.7 เดือน เมื่อเทียบกับ 12 เดือน)
แต่ประโยชน์ของยา pembrolizumab เพิ่มขึ้นตามปริมาณการแสดงออกของ PD-L1 ในเนื้องอกที่ปอด
    -  ผู้ป่วยที่มี PD-L1 ในครึ่งหนึ่งของเนื้องอกจะอยู่รอดโดยเฉลี่ย 20 เดือน ด้วยยา pembrolizumab เมื่อเทียบกับ 12 เดือน ด้วยเคมีบำบัด
    -  ผู้ป่วยที่มี PD-L1 ในร้อยละ 20 ของเนื้องอกจะอยู่รอดโดยเฉลี่ย 17.7 เดือน ด้วยยา pembrolizumab เมื่อเทียบกับ 13 เดือน สำหรับเคมีบำบัด
    “สำหรับผู้ป่วยทั้ง 3 กลุ่มที่เราศึกษา พบว่า ยา pembrolizumab ช่วยให้มีชีวิตรอดยาวนานกว่าและมีอัตราการรอดชีวิตโดยรวมสูงกว่าการใช้เคมีบำบัดอย่างเดียว”  Dr. Lopes กล่าว
    ภูมิคุ้มกันบำบัดยังพิสูจน์ว่า เป็นการรักษาที่เบากว่าเคมีบำบัด  มีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 18 ที่บอกว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงจากยา pembrolizumab เมื่อเทียบกับร้อยละ 41 ของผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัด
    ผลการศึกษานี้จะทำให้ยา pembrolizumab เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่สูงอายุและป่วยหนัก ซึ่งไม่สามารถทนรับความตึงเครียดที่เกิดจากเคมีบำบัดได้ Dr. Bruce Johnson ประธานของ The American Society of Clinical Oncology (ASCO) ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่วิจัยคลินิกที่ Dana-Farber Cancer Institute ในบอสตัน กล่าว
    “คุณสามารถให้การรักษาเหล่านี้กับผู้ป่วยที่รู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก เพราะสำหรับคนส่วนใหญ่ ยานี้ไม่มีผลข้างเคียงที่เกิดจากเคมีบำบัด” Dr. Johnson กล่าว
    การศึกษาในอนาคตต้องเน้นประเด็นที่ว่า จะตัดสินใจเลือกการรักษาที่ถูกต้องสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนให้ดีที่สุดได้อย่างไร  Dr. Lopes กล่าวและว่า
    “คำถามใหญ่ในเวลานี้ คือ ใครคือผู้ป่วยที่จะได้ประโยชน์จากยานี้เพียงขนานเดียว และผู้ที่อาจจำเป็นต้องใช้ยา pembrolizumab กับเคมีบำบัดเพื่อให้มีการตอบสนองที่ดีที่สุด” Dr. Lopes กล่าว
    Keytruda มีราคาประมาณ 10,000 ดอลลาร์ต่อเดือน Dr. Lopes บอก ซึ่งสอดคล้องกับยามะเร็งยารุ่นใหม่ ๆ ชนิดอื่น ๆ  แต่ราคาสูงกว่ายาเคมีบำบัดที่เป็นยาเก่า
    มีการนำเสนอการศึกษาครั้งนี้ต่อที่ประชุมประจำปีของ The American Society of Clinical Oncology ในชิคาโก  เนื่องจากยังไม่มีการเผยแพร่รายงานนี้ในวารสารทางการแพทย์  จึงถือว่าผลการค้นพบนี้อยู่ในขั้นเบื้องต้น