การวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า ขั้วไฟฟ้าที่สามารถฉีดเข้าร่างกายได้อาจเป็นวิธีหนึ่งในการบรรเทาอาการปวดเส้นประสาทเรื้อรังได้ดีกว่ายาแก้ปวด opioid หรือการฝังอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่และราคาแพง

          การวิจัยครั้งนี้ได้ฉีดเจลซิลิกอนเหลวบรรจุอยู่ในอนุภาคโลหะขนาดเล็กเข้าไปรอบบริเวณเซลล์ประสาทซึ่งทำให้เกิดอาการปวด Kip Ludwig นักวิจัยซึ่งเป็นศาสตราจารย์สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์และประสาทศัลยศาสตร์ที่ University of Wisconsin-Madison กล่าว
          เจลจะแข็งตัวและกลายเป็นขั้วที่สามารถเป็นสื่อนำพลังงานได้อยู่รอบเส้นประสาท จากนั้นแพทย์จะฉีดชนวนชั้นนอกไว้รอบๆ ขั้วไฟฟ้าที่ทำขึ้นใหม่และใช้เจลเดียวกันประดิษฐ์ลวดวิ่งจาก injectrode ไปที่ด้านบนของผิวหนังโดยการเจาะเข้าภายใน คณะผู้วิจัยจะพยายามทำให้เหมือนกับการทำรอยสัก
          การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การใช้แรงกระตุ้นด้วยไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนปฏิกิริยาของเส้นประสาท ซึ่งเป็นเทคนิคที่เรียกว่า การปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบประสาท (neuromodulation) มีประสิทธิผลในการรักษาอาการปวดเส้นประสาทเรื้อรัง
         อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบประสาทยังไม่ใช่วิธีรักษาอาการปวดเส้นประสาทที่จะนำไปปฏิบัติได้ เนื่องจากต้องมีการผ่าตัดเข้าร่างกายซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงเพื่อใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ชาร์จด้วยไฟฟ้าไว้ในร่างกาย
          “ถ้าเราทำให้กระบวนการนี้มีการผ่าตัดเข้าร่างกายน้อยลงได้แล้ว เราจะสามารถใช้วิธีนี้ได้ไม่ใช่เฉพาะกับผู้ป่วยที่ใช้ยาแล้วไม่ได้ผลเท่านั้น แต่ยังสามารถเริ่มใช้วิธีนี้ได้ก่อนการใช้ยาหรืออย่างน้อยใช้พร้อมกับยาได้” Prof.Ludwig กล่าว
          การวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก U.S. National Institutes of Health's Helping to End Addiction Long-term Initiative เริ่มดำเนินการในปี 2018 เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาวิกฤติยา opioid ในสหรัฐอเมริกา
          ในการทดสอบกับหมูทดลอง Prof. Ludwig และคณะผู้ร่วมงานแสดงให้เห็นว่า สามารถฝัง injectrode เข้าไปในปมประสาทรากหลัง (dorsal root ganglia) บนไขสันหลังได้ ซึ่งเป็นตำแหน่งเป้าหมายที่ใช้ได้ดีในการรักษาอาการเจ็บปวด
          ขั้ว injectrode ยังมีลักษณะอ่อนและยืดหยุ่นกว่าอุปกรณ์ฝังที่เป็นโลหะ ซึ่งนักวิจัยหวังว่าจะช่วยให้ทนทานต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายมนุษย์ได้ดีกว่าอุปกรณ์ฝังในปัจจุบัน
          ในบรรดาอุปกรณ์ฝังทั้งหมด พบว่าตัวกระตุ้นไขสันหลังมีประวัติเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ใช้เสียชีวิตมากกว่า 500 คนและบาดเจ็บมากกว่า 80,000 คนตั้งแต่ปี 2008 ตามรายงานข่าวในปี 2018
          การที่อุปกรณ์ฝังเหล่านี้บกพร่องในการทำหน้าที่และเกิดช็อกหรือไหม้ตัวผู้ป่วยนั้น เป็นเพราะอุปกรณ์และลวดไม่สามารถขยายหรือยืดหยุ่นไปตามร่างกายของมนุษย์ ส่วนเจล injectrode มีลักษณะใกล้เคียงกับเนื้อเยื่อของมนุษย์ ซึ่งหวังว่าจะทำให้ injectrode มีอายุใช้งานยาวนานและเชื่อถือได้
          Prof. Ludwig กล่าวว่า คณะผู้วิจัยกำลังเดินหน้าเพื่อให้มีการทดลองความปลอดภัยในมนุษย์ โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ก่อนสิ้นปี 2021