โรคลมหลับ (Narcolepsy) เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับที่มีอาการง่วงนอนตลอดเวลา และหลับในช่วงเวลาต่าง ๆ อย่างผิดปกติ ในบางครั้งอาจมีอาการคล้ายหลับ (คือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง คอตก เป็นต้น) ขณะที่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยมักมีอาการง่วงนอนตลอดเวลา และไม่ว่าจะนอนเท่าใดก็ยังรู้สึกง่วง หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงอย่างมาก อาจเกิดการหลับในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมและอันตรายได้ เช่น ขับรถ กำลังผ่าตัดผู้ป่วย
สาเหตุของโรค
ยังไม่ทราบแน่ชัด โรคนี้มีความผิดปกกติที่สมองควบคุมการหลับและตื่น โดยมีการหลับแทรกเข้ามาในขณะที่ยังตื่นอยู่ อาการของโรค เช่น ง่วงนอนตลอดเวลา แขนขาอ่อนแรงขณะจะตื่น (ผีอำ) เห็นภาพลวงตาช่วงที่จะหลับ
โรคนี้ไม่ใช่โรคทางจิตเวช พบว่า ผู้ป่วยโรคนี้มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยบางรายมีสารเคมีในสมองที่ชื่อว่า hypocretin ต่ำกว่าปกติ นักวิจัยบางรายได้เสนอว่า โรคนี้เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมร่วมกับปัจจัยภายนอกบางอย่าง
อาการของโรค
- ง่วงนอนมากผิดปกติ มักเป็นอาการแรกของผู้ป่วยโรคนี้ ผู้ป่วยจะหลับในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ในห้องเรียน หลังอาหาร โรงภาพยนตร์ ขณะเขียนหนังสือ หรือแม้แต่ขณะกำลังสนทนา การนอนช่วงสั้น ๆ จะช่วยให้สดชื่นขึ้นได้
- Cataplexy (ผลอยหลับ คือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง คอตก เวลาที่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง เป็นต้น)
- Sleep paralysis (ผีอำ) เป็นภาวะที่ไม่สามารถขยับตัวได้ขณะกำลังจะตื่น (คล้ายผีอำ) เป็นอาการที่น่าตกใจแต่ไม่อันตราย
- Hypnagogic hallucination (เห็นภาพหลอนขณะกำลังจะหลับ) เห็นภาพหลอนขณะที่กำลังจะหลับ โดยอาจเห็นเป็นสัตว์ประหลาดหรือสิ่งที่น่ากลัวต่าง ๆ ได้
อาการอื่น ๆ ของโรค
- พฤติกรรมที่ทำโดยไม่รู้สึกตัว ขณะหลับอาจทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น ขับรถ ทำอาหาร ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้
- นอนไม่หลับในเวลากลางคืน สมองควบคุมการหลับตื่นผิดปกติ ทำให้นอนไม่หลับตอนกลางคืนได้
- ไม่มีสมาธิ
- ปวดศีรษะ
- ขี้ลืม
- ซึมเศร้า
การให้การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคลมหลับ ทำได้โดยตรวจการนอนหลับ (polysomnogram) และตรวจความง่วงนอน (multiple sleep latency test (MSLT) ในเช้าวันรุ่งขึ้นต่อจากการตรวจการนอนหลับ โดยผู้ป่วยโรคนี้ต้องได้รับการตรวจประเมินว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงอื่น ๆ ก่อนตรวจการนอนหลับ โดย MSLT จะตรวจโดยให้ผู้ป่วยงีบประมาณ 20 นาที ห่างกันทุก 2 ชั่วโมง จำนวน 4-5 รอบ และบันทึกผล
การรักษา
ในปัจจุบันแม้ว่ายังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถให้การรักษาเพื่อบรรเทาอาการได้ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่เหมือนคนปกติ ได้แก่
1.การรักษาภาวะง่วงนอนมากกว่าปกติ
- โดยใช้ยา การใช้คาเฟอีนมักไม่ได้ผล ยาที่ใช้ได้ผล คือ ยากระตุ้นประสาท เช่น methylphenidate, amphetamine, modafinil
- พฤติกรรมบำบัด เช่น
- การนอนและตื่นให้เป็นเวลาสม่ำเสมอทุก ๆ วัน
- งีบหลับในตอนกลางวัน
- ระมัดระวังในการทำกิจกรรมที่อาจเกิดอันตรายหากมีอาการของโรคเกิดขึ้น เช่น การขับรถ การทำอาหาร
2.การรักษาภาวะผลอยหลับ
-โดยการใช้ยา เช่น venlafaxine
ปัจจัยที่ส่งเสริมการรักษา
ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคแก่ผู้ป่วย ครอบครัว เพื่อน ผู้ร่วมงาน หากเป็นเด็กควรแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบด้วย
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh