กรมควบคุมโรค แนะกำจัดลูกน้ำยุงลาย พื้นที่เสี่ยง 7 ร ลดเสี่ยงโรคไข้เลือดออก ช่วงเปิดเทอม

ที่มา: กรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกในช่วงเปิดเทอม ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเริ่มเข้าหน้าฝน จึงขอความร่วมมือประชาชนและสถานศึกษาช่วยกันจัดการสิ่งแวดล้อม กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายบริเวณรอบๆ ชุมชน สถานศึกษา และบริเวณบ้าน โดยการเก็บของให้เป็นระเบียบ และป้องกันตนเอง ไม่ให้ยุงกัด


วันนี้ (3 พฤษภาคม 2567) แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาทางสาธารณสุขในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะ ประเทศไทย ซึ่งมีการระบาดทุกปีในช่วงฤดูฝน สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย 26,511 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ค. 67) ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา ณ ช่วงเวลาเดียวกัน ถึง 1.6 เท่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก 5-14 ปี จำนวน 7,782 ราย (ร้อยละ 29) และพบผู้เสียชีวิตจำนวน 29 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป (ร้อยละ 0.41) ประกอบกับช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ เป็นช่วงที่เด็กนักเรียนเริ่มเปิดเทอม โดยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน และจากผลการสำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย พบสูงสุดในกลุ่มโรงเรียนและโรงธรรม จึงขอให้ทุกสถานศึกษาเร่งสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำทุกสัปดาห์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาด เมื่อเปิดเทอมเด็กนักเรียนจะได้ปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออก


กรมควบคุมโรค ขอย้ำเตือนให้ประชาชนทายากันยุงเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัด โดยเฉพาะผู้ป่วยไข้เลือดออก เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อไข้เลือดออกในตัวผู้ป่วยสู่ชุมชน เพราะผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกหากถูกยุงลายกัดสามารถส่งต่อเชื้อไข้เลือดออก (หลังผ่านระยะฟักตัวในยุง) ให้ผู้อื่นได้ การทายากันยุงในผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จะช่วยตัดวงจรดังกล่าว และลดการระบาดของโรคไข้เลือดออกได้
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนให้ช่วยกันสำรวจและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยให้ดำเนินการกำจัดลูกน้ำยุงลายให้ครอบคลุมในพื้นที่ 7 ร. ได้แก่
1.โรงเรือน (บ้าน/อาคาร)
2.โรงเรียน/สถานศึกษา
3.โรงพยาบาล
4.โรงธรรม (วัด/มัสยิด/โบสถ์)
5.โรงแรม/รีสอร์ท
6.โรงงาน และ
7.ส่วนราชการ/องค์กรเอกชน


ซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีการรวมตัวกันของประชาชน ถือเป็นสถานที่เสี่ยงที่จะมีการระบาดของโรคไข้เลือดออก


แพทย์หญิงจุไร กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนมีอาการสงสัยป่วยไข้เลือดออก เช่น มีอาการไข้สูงลอย คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง มีผื่น มีจุดเลือดที่ลำตัว ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ยาลดไข้ที่ปลอดภัยคือยาพาราเซตามอล ควรหลีกเลี่ยงยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุดซึ่งอาจมีผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เลือดออกในทางเดินอาหารและยากต่อการรักษา ทั้งนี้ หากรับประทานยาลดไข้หรือเช็ดตัวแล้ว ไข้ไม่ลดภายใน 1-2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

https://www.thaihealth.or.th/?p=362244